รู้ทันกฎหมายคอนโด - ความเป็นเจ้าของห้องชุดร่วมกัน (สามีภรรยา) |
รู้ทันกฎหมาย - เจ้าของคอนโดร่วมกัน
คมชัดลึก : komchadluek.net วันที่ 24 มิถุนายน 2553
ตึกรามบ้านช่องต้องคอนโดถึงจะทันสมัยถูกใจตลาด เรียกว่าถูกใจคนขายสบายใจคนซื้อ เพราะได้ทั้งที่ตั้ง ราคา ความสะดวกสบาย ใช้ชีวิตตามสไตล์ฝรั่งมังค่า แถมราคาขึ้นได้เวลาปล่อยขายมือ
ต่อให้มีภาระต้องจ่ายค่าส่วนกลาง ทั้งยังต้องมีคณะกรรมการนิติบุคคลอาคารชุดมาบริหารจัดการ ก็ไม่ต่างจากบรรดาหมู่บ้านจัดสรรสักเท่าไหร่ เพราะก็ต้องอยู่ในระบบการบริหารและการจ่ายตามกฎหมายจัดสรรเช่นกัน
สามีภรรยา หาคอนโดอยู่ด้วยกัน แม้จะรู้อยู่แก่ใจว่าเป็นสินสมรส แต่ก็อดกังวลไม่ได้ เพราะหลายอย่างก็ต่างจากการมีบ้านและที่ดิน การใส่ชื่อในทรัพย์สินจะทำอย่างไร
ภรรยาอาจอยากวัดใจหรือสามีหน้าใหญ่ หรือด้วยเหตุผลอื่นใด หากใส่ชื่อภรรยาหรือสามีคนหนึ่งคนใดไว้ในโฉนดห้องชุด เพื่อพิสูจน์ว่ารักจริง ก็ไม่ต่างจากกรณีของที่ดินสักเท่าไหร่
เพียงแต่กฎหมายกำหนดเอาไว้ว่ากรรมสิทธิ์ในห้องชุดนั้นไม่อาจแบ่งแยกได้ ทีนี้ก็เลยกลายเป็นปัญหาว่าจะใส่ชื่อร่วมกันได้หรือไม่ เพราะใส่ไปก็แบ่งไม่ได้ หรือถ้าใส่เพียงคนใดคนหนึ่งไว้ เกิดจะเรียกร้องทวงสิทธิยามรักหน่ายต้องแยกย้ายหย่าร้าง จะแบ่งปันหารสองก็ต้องมีปัญหา เพราะกฎหมายบอกว่า แบ่งแยกไม่ได้
หมายความว่า ถ้าจะแบ่งแบบแยกกรรมสิทธิ์ออกต่างหากจากกัน โดยการรังวัดจัดสรรแยกโฉนดอย่างที่ดินนั้นทำไม่ได้ แต่ตราบใดที่ห้องชุดนี้เป็นสินสมรส สามีภรรยาก็ย่อมมีสิทธิเท่าๆ กันอยู่นั่นเอง
อย่าเพิ่งงงไป หากต้องแบ่งส่วนเมื่อไหร่ ก็ต้องใช้วิธีใส่ชื่อร่วมกันไป หรือฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดใช้ราคาครึ่งหนึ่งแล้วได้คอนโดไว้เป็นของตนเอง หรืออย่างสุดท้ายก็คือ ขายทิ้งไปแล้วนำเงินที่ได้มาแบ่งเท่านั้นเอง
การเป็นเจ้าของร่วมโดยไม่ได้เป็นสามีภรรยาก็ทำได้ และสามารถใส่ชื่อร่วมหรือไม่ก็ได้เช่นกัน เพียงแต่ต้องมีหลักฐานกันสักหน่อยหากไว้ใจใส่ชื่อคนใดเพียงคนเดียว
เกิดคนมีชื่อในโฉนดตายขึ้นมา ทายาทอ้างว่าไม่รู้เรื่อง ขอถือตามเอกสารก็มีอันเสี่ยงสูญทรัพย์สิน เพราะโฉนดถือเป็นเอกสารสิทธิเสียด้วย
นอกจากนี้ ก่อนจะเป็นคอนโดของเราสองคน ก็อาจต้องกู้เงินไปซื้อ และจำนองห้องชุดไว้เป็นประกัน ก็ขอให้ทราบไว้ว่า ชื่อในโฉนดเป็นหนึ่งหรือสองเราก็ตามที ต้องดูที่ข้อตกลงกับเจ้าหนี้เป็นสำคัญ ว่าเขาหรือเราเป็นคนกู้ในสัญญา และมีใครค้ำประกันไว้เป็นส่วนตัวหรือไม่ ก็ให้เป็นไปตามนั้น
เป็นสามีภรรยากัน จะกู้จะค้ำอย่างไรก็ไม่ทำให้ความเป็นสินสมรสของคอนโดยูนิตนี้เปลี่ยนไป ดังนั้น ถ้าไม่จ่ายหนี้ตามที่ตกลงกับธนาคารไว้ จนต้องบังคับจำนองเมื่อไหร่ นอกจากห้องชุดจะหลุดมือไป หากเงินไม่พอจ่าย ทั้งสามีทั้งภรรยาก็มีภาระต่อเจ้าหนี้ต่อไป ในฐานะผู้กู้เงินหรือผู้ค้ำประกัน
ทั้งยังกระจายให้เจ้าหนี้บังคับจ่ายเอาจากสินส่วนตัวของทั้งสองฝ่ายได้ เพราะเป็นหนี้สินสมรสที่ต้องร่วมด้วยช่วยกันตามกฎหมาย เพราะฉะนั้น การมีชื่อหรือไม่ในโฉนดห้องชุดจึงเป็นคนละส่วนกับการเป็นหนี้ที่ต้องรับภาระ
ตอนแรกก็ร่วมชื่อกันได้ ตอนหลังต้องการแยกวงเมื่อไหร่ หากคนหนึ่งอยากขายก็สามารถทำได้เฉพาะส่วนของตน หรือครึ่งหนึ่ง เมื่อขายได้แล้วก็ต้องจดทะเบียนใส่ชื่อคนใหม่เข้ามาร่วมด้วยในโฉนดต่อไป
การร่วมชื่อในโฉนดห้องชุดจึงง่ายไม่ยุ่งยากซับซ้อน สำคัญต้องเข้าใจคุณสมบัติเฉพาะตัวตามกฎหมายในความเป็นคอนโดเท่านั้นเอง
"ศรัณยา ไชยสุต"
ที่มา คมชัดลึก : komchadluek.net วันที่ 24 มิถุนายน 2553
|