การบริหารอาคารแบบมืออาชีพเข้ามามีบทบาทอย่างมากในตลาดอสังหาริมทรัพย์ปัจจุบัน โดยเป็นส่วนสำคัญที่จะทำให้การพัฒนาโครงการนั้นๆ ประสบผลสำเร็จ ผลสำเร็จหมายถึงการที่โครงการนั้นสามารถทำให้ผู้ใช้อาคารหรือผู้อยู่อาศัยพึงพอใจ ในขณะเดียวกันก็ให้ผลตอบแทนในการลงทุนแก่เจ้าของอาคารสูงสุด
ที่ผ่านมางานด้านบริหารอาคารมักถูกมองข้ามความสำคัญ โครงการส่วนใหญ่ถูกบริหารโดยผู้ประกอบการเอง ซึ่งการใช้ระบบบริหารแบบดั้งเดิมคือแบบครอบครัวแต่ในปัจจุบันเทคโนโลยีและชีวิตความเป็นอยู่ของคนไทยได้พัฒนามากขึ้นทำให้การบริหารอาคารแบบมืออาชีพได้รับความสำคัญมากยิ่งขึ้น
หน้าที่หลักของบริษัทรับจ้างบริหารอาคารแบบมืออาชีพ
หน้าที่หลักของบริษัทรับจ้างบริหารอาคารแบบมืออาชีพ คือการช่วยเจ้าของอาคารบริหารอาคารอย่างมีประสิทธิภาพด้วยการควบคุมค่าใช้จ่ายที่มีประสิทธิภาพด้วย ในขณะเดียวกันก็ให้บริการและอำนวยความสะดวกในทุกๆ ด้านแก่ผู้ใช้อาคารทำให้ผู้ใช้อาคารหรือผู้ซื้อมีความมั่นใจและเชื่อถือในตัวโครงการเพิ่มขึ้น บริษัทรับจ้างบริหารอาคารเปรียบเสมือนเป็นคนกลางที่ทำให้ทั้งผู้ใช้อาคารและเจ้าของอาคารได้รับผลประโยชน์ร่วมกันอย่างสูงสุด
วัตถุประสงค์ของการบริหารอาคาร
1. เพื่อบำรุงรักษาอาคาร และทรัพย์สินภายในให้คงอยู่ในสภาพดี และมีอายุการใช้งานยาวนาน
2. เพื่อจัดการทรัพยากรที่มีอยู่ให้มีประสิทธิภาพและก่อใหเกิดประโยชน์สูงสุดกับเจ้าของอาคารและผู้ใช้อาคาร
3. อำนวยความสะดวกพร้อมให้บริการโดยคำนึงถึงความพึงพอใจของผู้ใช้อาคารเป็นหลัก
4. สร้างภาพลักษณ์ที่ดี และสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่อาคาร
การบริหารอาคารแบบมืออาชีพครอบคลุมถึงงานด้านใดบ้าง
งานบริหารอาคารสามารถแบ่งได้เป็น 4 ส่วนหลัก ได้แก่
1. งานบำรุงรักษา (Maintenance Management) ซึ่งแบ่งออกเป็นสองส่วนหลัก ได้แก่ การบำรุงรักษาสภาพอาคารและทรัพย์สินภายใน และการบำรุงรักษางานระบบของอาคาร
-
งานบำรุงรักษาสภาพอาคารและทรัพย์สินภายในให้อยู่ในสภาพใช้งานได้ มีความสวยงามและสะอาดอยู่ตลอดเวลาซึ่งรวมถึงส่วนพื้นที่ภายใน ภายนอกอาคารและสิ่งอำนวยความสะดวกส่วนกลางหรือสภาพแวดล้อมรอบอาคาร
-
งานบำรุงรักษางานระบบและอุปกรณ์ของอาคาร รวมถึงงานดูแลระบบน้ำ ไฟฟ้า สัญญาณโทรทัศน์ คอมพิวเตอร์ โทรศัพท์ หรือระบบอื่นๆ ทั้งหมด
2. งานบริหารการจัดการทั่วไป ได้แก่ งานควบคุมดูแลการทำงานของบริษัทต่างๆ ที่ได้ว่าจ้างเข้ามาในอาคารทั้งหมด เช่น บริษัทรักษาความสะอาด บริษัทรักษาความปลอดภัย บริษัทกำจัดแมลง เป็นต้น และงานประชาสัมพันธ์เผยแพร่ข้อมูลข่าวสารภายในอาคาร รวมถึงการแก้ไขปัญหารายวันเฉพาะหน้า และปัญหาเรื่องกฎหมายต่างๆที่เกี่ยวข้อง
3. งานบริหารด้านการเงิน หมายถึง การควบคุมด้านการเงินงบประมาณและระบบการบัญชีของอาคารทั้งหมด
4. งานบริหารด้านบุคลากร (Human Resource Management) หมายถึง การจัดสรร อบรม และพัฒนาบุคลากรในทีมงานให้สามารถบริการผู้ใช้อาคารได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ความสำคัญของการบริหารอาคารแบบมืออาชีพ
-
การบำรุงรักษาที่ได้มาตรฐานจะช่วยรักษาสภาพของอาคารให้มีอายุใช้งานยาวนานทั้งภายนอกและภายใน
-
การบำรุงรักษาที่ไม่มีประสิทธิภาพจะทำให้อาคารชำรุดสึกหรอและอาจรุนแรงจนกระทบถึงระบบเครื่องจักรและโครงสร้างของตัวอาคารได้ ผลสุดท้ายที่กระทบถึงเจ้าของอาคารคือการสูญเสียลูกค้าหรือผู้เช่าอาคาร และการสูญเสียชื่อเสียงของตนเอง
-
การบริหารทรัพยากรต่างๆอย่างมีประสิทธิภาพจะทำให้เกิดค่าใช้จ่ายต่ำที่สุดและได้ผลของการบริหารดีที่สุด ซึ่งจะทำให้ผู้ใช้อาคารพึงพอใจสูงสุดด้
โครงการประเภทใดบ้างที่จำเป็นต้องมีการบริหารอาคารแบบมืออาชีพ
ทุกประเภทจำเป็นต้องมีการบริหารอาคารแบบมืออาชีพ เนื่องจากทุกโครงการมีเป้าหมายที่เหมือนกัน คือ ต้องการให้บริการที่ดีแก่ผู้ใช้อาคาร มีระบบการจัดการที่ดูแลการใช้จ่าย สาธารณูปโภคต่าง ๆ และต้องการให้โครงการนั้นมีอายุการใช้งานยาวนานและมีมูลค่าโครงการเพิ่มขึ้น ในที่สุด
ตลาด การบริหารอาคารเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วในปัจจุบัน ที่ตลาดอสังหาริมทรัพย์เริ่มรุ่งเรืองมีเพียงอาคารสำนักงานและคอนโดมิเนียม เท่านั้นที่ใช้บริการด้านนี้ โดยมีสัดส่วนพื้นที่ที่ใช้ไม่เกินร้อยละ 3 ของพื้นที่ทั้งหมดในกรุงเทพมหานคร
ปัจจุบัน นี้ พื้นที่อาคารสำนักงานมีจำนวนรวมประมาณ 6.46 ล้านตารางเมตรจาก 321 โครงการและมีโครงการคอนโดมิเนียมทั้งหมด 417 โครงการ โดยมีสัดส่วนการใช้บริการด้านนี้เพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 30 ของพื้นที่รวมทั้งหมด นอกจากนี้ยังขยายขอบเขตไปถึงโครงการอสังหาริมทรัพย์อื่น ๆ ด้วยไม่ว่าจะเป็นโครงการที่พักอาศัยทั้งคอนโดมิเนียม อพาร์ทเมนท์ บ้านจัดสรร บ้านพัก ฯลฯ โครงการอาคารสำนักงาน โครงการศูนย์การค้า สถานศึกษา สถานที่ราชการ รัฐวิสาหกิจ ศูนย์ประชุม ศูนย์กีฬา ศูนย์แสดงสินค้า ไปจนถึงโรงงานอุตสาหกรรม
เจ้าของอาคารไม่จำเป็นต้องเสียเวลาบริหารอาคารด้วยตัวเอง
การว่าจ้างบริษัทรับบริหารอาคารให้เป็นผู้รับผิดชอบดูแลอาคารนั้นมีข้อดีซึ่งให้ประโยชน์หลาย ๆ ด้านแก่เจ้าของอาคารทั้งในด้าน
-
การควบคุมการปฏิบัติงาน จะมีบริษัทรับจ้างเป็นผู้ควบคุมดูแลการปฏิบัติงานทุกด้าน เจ้าของอาคารไม่มีความสูญเสียทางด้านเวลา
-
มาตรฐานด้านระบบการบริหารงาน มีความมาตรฐานมากกว่า เนื่องจากมีผู้เชี่ยวชาญและประสบการณ์เฉพาะด้านมากกว่า
-
การพัฒนาระบบทำงาน บริษัทมีประสบการณ์จากปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นจากการบริหารอาคารมากกว่า จึงจำเป็นต้องมีการพัฒนาระบบการทำงานอยู่เสมอ เพื่อให้สามารถรองรับการบริหารอาคารเป็นจำนวนมากได้อย่างมีประสิทธิภาพ
-
งานด้านเทคนิคทุกด้าน เช่น การตรวจสอบระบบอาคาร บริษัทรับจ้างจะมีผู้ที่เชี่ยวชาญเฉพาะด้านมากกว่า
-
การควบคุมค่าใช้จ่ายด้านบุคลากร บริษัทรับจ้างจะเสนอค่าใช้จ่ายด้านบุคลากรที่คงที่ ในขณะที่ทางเจ้าของอาคารมักมีค่าใช้จ่ายด้านนี้เพิ่มขึ้น เนื่องจากในการปฏิบัติงานจริงจะต้องมีค่าล่วงเวลาเกิดขึ้นอยู่เสมอหรืออาจต้องมีการจ้างงานเพิ่มเป็นครั้งคราว
-
การ ปรับเปลี่ยนบุคลากรประจำอาคาร ในกรณีที่บุคลากรด้อยคุณภาพ บริษัทรับจ้างสามารถปรับเปลี่ยนบุคลากรได้ทันที เนื่องจากมีบุคลากรอื่นในสายงานนี้เตรียมพร้อมอยู่แล้ว ในขณะที่เจ้าของอาคารจะปรับเปลี่ยนได้ยากกว่า
เจ้าของอาคารไม่ต้องแก้ปัญหาต่าง ๆ เหล่านี้ด้วยตัวเอง
-
ปัญหา จุกจิกจากการที่ผู้ใช้อาคาร ไม่ปฏิบัติตามกฎระเบียบการใช้อาคาร เช่น ส่งเสียงดังรบกวนคนอื่น จอดรถในที่ห้ามจอด ใช้ทรัพย์สินส่วนกลางอย่างไม่ระมัดระวัง เป็นต้น
-
ปัญหา จุกจิกจากการต้องซ่อมแซมงานระบบต่าง ๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นประจำวันซึ่งเจ้าของอาคารจำเป็นต้องหาช่างที่เชี่ยวชาญ เฉพาะด้านมาให้ได้ทันท่วงที เช่น ต้องหาช่างซ่อมท่อน้ำที่รั่วซึม ผนังร้าว ระบบไฟติดขัด ระบบแอร์เสีย
-
ปัญหาผู้เช่าไม่จ่ายค่าบริการส่วนกลางหรือล่าช้า ซึ่งเจ้าของอาคารต้องคอยตามทวงถามด้วยตัวเอง
-
ปัญหาจากการบริหารบุคคลประจำอาคาร การทำผิดวินัย การว่าจ้างใหม่ การเลิกจ้าง ซึ่งมีกฎหมายของภาครัฐเข้ามาเกี่ยวข้อง
-
ปัญหา จากการควบคุมดูแลบริษัท ที่ทางอาคารว่าจ้างให้มาทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ คุ้มค่าการว่าจ้าง เช่น บริษัทรักษาความปลอดภัย บริษัททำความสะอาด บริษัทกำจัดแมลง บริษัททำสวนเป็นต้น
การเลือกใช้บริการของบริษัทรับบริหารอาคาร
ปัจจุบันมีบริษัทรับบริหารอาคารในกรุงเทพมหานครหลักๆ ทั้งบริษัทคนไทนและคนต่างชาติ ในการเลือกใช้บริการของแต่ละบริษัทนั้น เจ้าของอาคารต้องพิจารณาปัจจัยต่าง ๆ ดังนี้
-
ชื่อเสียงของบริษัทและผลงานที่ผ่านมา
-
การ มีบริการที่ครอบคลุมงานทุกส่วนที่ต้องใช้ในการบริหารอาคาร เช่น งานบริหารอาคาร งานบัญชีการเงิน งานช่างเทคนิคเพื่อซ่อมบำรุง งานรักษาความปลอดภัย งานกฎหมายและบริการเสริมอื่น ๆ เช่น งานการตลาดการขาย เป็นต้น
-
การ มีทีมงานที่เชี่ยวชาญเฉพาะด้านและความพร้อมของทีมงาน ที่จะสามารถเข้าแก้ปัญหาในกรณีฉุกเฉินได้ เช่น ทีมวิศวกรงานระบบ ทีมงานกฎหมาย เป็นต้น
-
การ มีระบบทำงานและบุคลากรที่มีประสิทธิภาพและสามารถตรวจสอบได้ เช่น ระบบมาตรฐาน ISO 9002 ซึ่งในการปฏิบัติงานนั้นจะต้องมีการบันทึกขั้นตอนการทำงาน แบบฟอร์มหรือหลักฐานที่ควบคุมการปฎิบัติงานประจำวันให้มีประสิทธิภาพ
-
ค่าบริการที่เหมาะสม
-
มีความสำนึกในการให้บริการลูกค้า (Service Mind) ให้เทียบเท่ากับการบริการของโรงแรม
-
ทุนจดทะเบียนบริษัทและจำนวนพนักงานของบริษัท
ที่มา : www.homeandi.com , www.plan-property-management.com
|