พัฒนาการอาคารชุดไทย ตามช่วงเวลา Condominium Timeline |
พ.ศ. 2510 |
เป็นจุดเริ่มต้นของพัฒนาการที่อยู่อาศัย เศรษฐกิจดี บ้านเมืองเจิญขึ้น ประชากรเพิ่มจำนวนอย่างรวดเร็วและมีความหนาแน่น |
|
เมืองเกิดการขยายตัว ทำให้เริ่มเกิดโครงการบ้านจัดสรร และจากปัญหาที่ดินราคาแพงในย่านธุกิจ จึงจำเป็นต้องสร้างตึกให้สูงขึ้น เพื่อให้การใช้ที่ดินเขตเมืองให้ได้ประโยชน์คุ้มค่า ตลอดจนความคิดใหม่ๆของผู้ประกอบการที่จะสร้างอยู่อาศัยที่ราคาถูกกว่าบ้านเดี่ยว |
พ.ศ. 2511 |
กระทรวงมหาดไทยได้ส่งเจ้าหน้าที่ไปประชุมสัมนาเกี่ยวกับอาคารชุดที่ฮาวาย เพราะรัฐบาลได้เห็นว่าในอนาคตจะมีอาคารชุด |
|
เกิดขึ้นในประเทศไทย และเล็งเห็นประโยชน์ในระบบอาคารชุดซึ่งได้ใช้และประสบความสำเร็จมาแล้วใน ต่างประเทศ จึงได้คิดริเริ่มที่จะนำระบบกรรมสิทธิ์อาคารชุดมาบังคับใช้เป็นกฎหมาย ในการยกร่างกฎหมายนี้ได้อาศัยกฎหมายของฝรั่งเศส กฎหมายของฮาวาย และกฎหมายของบางประเทศในยุโรปเป็นหลักในการร่าง เมื่อร่างเสร็จแล้วได้เสนอ คณะรัฐมนตรีและส่งให้คณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเมื่อปลายปี พ.ศ. 2516 ในการพิจารณาคณะกรรมการกฤษฎีกาได้ประสบปัญหาหลายประการ จึงพักเรื่องไว้ |
พ.ศ. 2513 |
เกิดคอนโดมิเนียมแรก บริเวญถนนราชดำริแถวๆ สี่แยกราชประสงค์ (โรงแรมรีเจนท์ในปัจจุบัน) |
|
โครงการไม่ประสบความสำเร็จเพราะยังใหม่มาก ซึ่งเคยชินกับการอยู่บ้านเดี่ยวและเป็นเจ้าของที่ดิน |
พ.ศ. 2516 |
มีกลุ่มนักลงทุนจากต่างประเทศ พยายามที่จะสร้างคอนโดมิเนียม แต่ไม่ประสบความสำเร็จ |
|
เพราะยังติดปัญหาเรื่องกฎหมายสิทธิการถือครอง และอุปนิสัยของคนไทยที่ชอบอยู่แบบครอบครัวใหญ่ |
พ.ศ. 2516 |
การเคหะแห่งชาติ ได้รับโอนอาคารที่พักอาศัยรวม คือ แฟลต จาก กรมประชาสงเคราะห์ ที่สร้างตามนโนบายแก้ |
|
ปัญหาชุมชนแออัด การเคหะแห่งชาติต้องการ นำกฎหมายมาใช้ เพื่อให้ผู้เช่าซื้ออาคารแฟลตได้รับสิทธิ์ในอาคารและตัดภาระเรื่องการดูแลบำรุงรักษาอาคาร จึงมีส่วนผลักดัน ทำให้รัฐบาลแต่งตั้งคณะกรรมการพิจารณายกร่างขึ้นใหม่ จนออกมาเป็นพระราชบัญญัติอาคารชุด ฉบับแรก |
พ.ศ. 2522 |
เริ่มใช้ พระราชบัญญัติอาคารชุด ฉบับแรก พ.ศ.2522 |
|
กฎหมายนี้เกิดจากลูกผสมของหลายประเทศเช่นอเมริกา ออสเตรเลีย ฟิลิปปินส์ แล้วผสมผสานกับกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ของไทย จุดมุ่งหมายที่จะออกมาใช้ในงานของการเคหะแห่งชาติเป็นประการแรก ตัวกฎหมายจึงเน้นความสำคัญแก่การเคหะแห่งชาติเป็นหลัก พระราชบัญญัติอาคารชุดนี้ หมายถึง อาคารที่บุคคลสามารถแยกการถือกรรมสิทธิ์ออกได้เป็นส่วนๆ โดยแต่ละส่วนประกอบด้วยกรรมสิทธิ์ในทรัพย์ส่วนบุคคล และกรรมสิทธิ์ร่วมในทรัพย์ส่วนกลาง เจตนารมณ์ของพรบอาคารชุด ต้องการแบ่งแยกทรัพย์ส่วนบุคคล สาระที่สำคัญต่อมาก็คือ เจ้าของร่วมกันออกค่าใช้จ่ายที่เกิดจากการบริการส่วนรวม และที่เกิดจากเครื่องมือเครื่องใช้ประโยชน์ร่วมกัน กฎหมายจึงบัญญัติให้มีนิติบุคคลอาคารชุด และตั้งขึ้นเพื่อทำหน้าที่จัดการดูแลรักษาทรัพย์สินที่เป็นของส่วนกลางและส่วนรวมภายในอาคารชุด |
พ.ศ. 2534 |
แก้ไขพระราชบัญญัติอาคารชุด ให้ต่างชาติ ถือครอง พื้นที่อาคารชุดได้สูงสุด 40% ของทั้งหมด |
|
|
พ.ศ. 2542 |
แก้ไขพระราชบัญญัติอาคารชุด ให้ต่างชาติ ถือครอง พื้นที่อาคารชุดได้ถึง 49% ของทั้งหมด |
|
|
พ.ศ. 2551 |
แก้ไขพระราชบัญญัติอาคารชุด ฉบับที่ 4 พ.ศ. 2551 |
|
|
|
|
|