การบริหารจัดการอาคารที่มีประสิทธิภาพเป็นสิ่งจำเป็น |
ความสูญเสียต่ออสังหาริมทรัพย์ระหว่างเหตุจลาจล สะท้อนการบริหารจัดการอาคารที่มีประสิทธิภาพเป็นสิ่งจำเป็นมากขึ้น
ในระหว่างเหตุการณ์จลาจลในกรุงเทพฯ เมื่อเร็วๆ นี้ มีอาคารจำนวนหนึ่งที่ได้รับความเสียหายจากเหตุวางเพลิง อย่างไรก็ดี ในจำนวนนี้ มีบางอาคารที่ได้รับความเสียหายไม่มากนักและสามารถกลับมาเปิดใช้ได้ภายในเวลาอันรวดเร็ว ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการได้รับการบริหารจัดการอาคารที่มีประสิทธิภาพ
โจนส์ แลง ลาซาลล์ บริษัทบริการด้านอสังหาริมทรัพย์ รายงานว่า บริษัทเป็นผู้บริหารจัดการอาคารสำนักงาน ศูนย์การค้าและคอนโดมิเนียม รวมกว่า 30 อาคารในกรุงเทพฯ ซึ่งในจำนวนนี้ มีสองอาคารที่ได้รับความเสียหายจากเหตุการณ์วางเพลิงในช่วงเกิดเหตุจลาจล ได้แก่ อาคารมาลีนนท์ทาวเวอร์บนถนนพระรามสี่ และอาคารตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยบนถนนรัชดาภิเษก อย่างไรก็ดี เหตุเพลิงไหม้ที่เกิดขึ้นกับทั้งสองอาคารถูกควบคุมไว้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดังนั้น ความเสียหายที่เกิดขึ้นอยู่ในวงจำกัด และอาคารสามารถกลับมาเปิดใช้ได้ภายในเวลาเพียง 48 ชั่วโมง
นางสุพินท์ มีชูชีพ กรรมการผู้จัดการโจนส์ แลง ลาซาลล์ กล่าวว่า “เนื่องจากที่สองอาคารมีการบริหารจัดการที่ดีตลอดมา ระบบดับเพลิงอัตโนมัติภายในอาคารทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งช่วยจำกัดความเสียหายจากเหตุเพลิงไหม้ไว้ได้ นอกจากนี้ ระบบอื่นๆ อาทิ ไฟฟ้า น้ำ แสงไฟ และเครื่องปรับอากาศ ได้รับการบำรุงรักษาโดยทีมงานฝ่ายเทคนิคมืออาชีพ ดังนั้น อาคารจึงสามารถกลับมาเปิดใช้งานได้ภายในเวลาอันรวดเร็วหลังเกิดเหตุ”
นางสุพินท์กล่าวด้วยว่า มีมาตรการหลายๆ มาตรการที่จำเป็นจะต้องนำมาใช้ในกรณีฉุกเฉินต่างๆ อาทิ เหตุการณ์จลาจล หรือเหตุการณ์ก่อการร้าย ทั้งนี้ นอกเหนือจาการบำรุงรักษาอาคารและระบบต่างๆ ภายในอาคารแล้ว จำเป็นจะต้องมีการเพิ่มระดับความเข้มงวดของระบบดูแลรักษาความปลอดภัยด้วย เจ้าหน้าที่ที่ดูแลการรักษาความปลอดภัยและการทำความสะอาด จะต้องได้รับมอบหมายให้ใส่ใจมากเป็นพิเศษเมื่อพบเห็นวัตถุต้องสงสัย และต้องตรวจตรารถที่จอดอยู่ในอาคารหรือบริเวณโดยรอบอาคารอย่างละเอียด
การจัดเตรียมแผนรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินนับเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่มีความจำเป็น โดยแผนดังกล่าวควรครอบคลุมการสำรองน้ำ น้ำมันสำหรับเครื่องปั่นไฟสำรอง รวมถึงอาหารและน้ำดื่มให้เพียงพอสำหรับพนักงานฝ่ายจัดการอาคารที่อาจจำเป็นต้องทำงานหรือประจำการภายในอาคารตลอดเวลา
ช่วงก่อนเกิดเหตุการณ์จลาจลในกรุงเทพฯ โจนส์ แลง ลาซาลล์ได้ช่วยเจ้าของอาคารที่เป็นลูกค้าในการจัดเตรียมแผนรองรับสถานการณ์ฉุกเฉิน หลังจากเหตุการณ์ความไม่สงบระหว่างการชุมนุมเริ่มส่งสัญญาณการขยายตัวเพิ่มขึ้นและมีการประกาศแจ้งจากรัฐบาลถึงความเป็นไปได้ที่จะมีการตัดน้ำและไฟฟ้าในบริเวณที่มีการชุมนุม
“โดยเฉพาะในส่วนของไฟฟ้าฉุกเฉิน จำเป็นจะต้องมีการสำรองไว้ให้เพียงพอ ไม่เฉพาะสำหรับรองรับระบบต่างๆ ของอาคารเท่านั้น แต่ต้องให้เพียงพอสำหรับรองรับระบบเซิร์ฟเวอร์คอมพิวเตอร์ของบริษัทต่างๆ ที่เป็นผู้เช่าพื้นที่ในอาคารด้วย กรณีมีการตัดไฟ” นางสุพินท์กล่าว
แผนการรองรับสถานการณ์ฉุกเฉิน ยังครอบคลุมถึงการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งจะช่วยให้มั่นใจว่า พนักงานฝ่ายจัดการอาคารเข้าใจอย่างชัดเจนถึงปฏิบัติการต่างๆ ที่ต้องดำเนินการกรณีเกิดเหตุการณ์ต่างๆ ขึ้น รู้ว่าจะต้องติดต่อใครหรือหน่วยงานใดเมื่อต้องการความช่วยเหลือด้านต่างๆ หากจำเป็น รวมถึงรู้ว่าจะต้องรายงานความคืบหน้าของสถานการณ์ถึงทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง อาทิ เจ้าของอาคาร ผู้เช่า หรือหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง
นอกจากนี้ พนักงานฝ่ายจัดการอาคารจำเป็นจะต้องได้รับการฝึกอบรมเพื่อให้พร้อมรับกับสถานการณ์ฉุกเฉินอย่างสม่ำเสมอ และที่สำคัญมากขึ้นไปอีก จำเป็นจะต้องกระตุ้นให้ผู้เช่าหรือผู้อยู่อาศัยในอาคารเข้าร่วมรับการฝึกซ้อมการอพยพออกจากอาคารในกรณีฉุกเฉินต่างๆ เช่น เหตุเพลิงไหม้ หรือแผ่นดินไหว
“ความสูญเสียและความเสียหายที่เกิดขึ้นกับอาคารหลายๆ อาคารจากเหตุจลาจลเมื่อเร็วๆ นี้ในกรุงเทพฯ สะท้อนให้เห็นถึงความจำเป็นมากยิ่งขึ้นที่จะต้องให้ความสำคัญกับกลยุทธ์เชิงรุกด้านอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งหนึ่งในกลยุทธ์ดังกล่าวได้แก่การบริหารจัดการอาคารที่มีประสิทธิภาพ ที่จะสามารถช่วยลดความเสี่ยงหรือจำกัดความสูญเสียที่เกิดขึ้นจากเหตุการณ์ที่คาดไม่ถึง” นางสุพินท์กล่าว
นอกจากนี้ โจนส์ แลง ลาซาลล์ยังแนะด้วยว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เจ้าของอาคารหรือคณะกรรมการที่ดูแลการบริหารจัดการอาคารอาจจำเป็นต้องมีการทบทวนกรมธรรม์ประกันภัยต่างๆ ที่ทำไว้สำหรับอาคาร เพื่อให้มั่นใจว่าครอบคลุมมากพอกรณีเกิดความเสียหายจากเหตุการณ์ต่างๆ ที่ไม่คาดฝันขึ้น
ที่มา http://www.meedee.net/magazine/home/special-report/5366
|