Home » ออกแบบตกแต่ง บ้านและสวน » องค์ประกอบ การแต่งบ้าน สไตล์วินเทจ

การบริหาร/ความรู้ทั่วไป

Web Design by Softbiz+


ว็บนี้ สร้างด้วย Joomla! 1.5 โดย ทีมงานซอฟท์บิส+ update11.11.2014

 
องค์ประกอบ การแต่งบ้าน สไตล์วินเทจ

room No.107 >>Jan 12

Wall and Floor

         การตกแต่งพื้นและผนังห้องในบ้านสไตล์วินเทจนั้นมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่บ่งบอกถึงสไตล์นี้อย่างชัดเจน เราจึงเลือกไอเดียง่าย ๆ ที่คุณก็สามารถทำตามได้ไม่ยากมาฝาก

  • นอกจากการใช้กระเบื้องปูพื้นสร้างลวดลายสไตล์คลาสสิกแล้ว เราสามารถนำมาตกแต่งผนังให้เกิดลวดลายตรงจุดที่ต้องการเน้นเป็นพิเศษได้ไม่ยาก แต่ควรเลือกโทนสีหรือลวดลายให้ดูเด่นจากผนังหรือพื้นในมุมนั้นเพื่อความเด่น อย่างไอเดียนี้เลือกใช้แผ่นกระเบื้องลวดลายนูนต่ำสีแดงเลือดนกกรุทั้งผนัง ส่วนผนังซี่ไม้ และเฟอร์นิเจอร์เลือกใช้สีกลางๆ อย่าง สีขาว และเทา เพื่อให้ผนังดูโดดเด่นกลางโถงใหญ่
  • ตกแต่งผนังด้วยการตีแผ่นไม้แบบซ้อนเกล็ด แผ่นไม้แนวตั้งช่วยให้ผนังเรียบ ๆ เกิดแสงเงาที่น่าสนใจ ตามรูปแบบบ้านไม้ย้อนยุคที่นิยมตีไม้ลักษณะนี้เพื่อเพิ่มความแข็งแรงให้ผนัง ทั้งยังกันน้ำและลมไม่ให้ซึมผ่านเข้ามาตามรอยต่อของแผ่นไม้ได้ด้วย นอกจากนี้แผ่นไม้หน้ากว้าง 4 นิ้ว ที่ตีคั้นแนวนอนเพื่อช่วยเสริมโครงสร้าง ยังสามารถดัดแปลงให้เกิดประโยชน์ขึ้นได้ด้วยการทำเป็นชั้นวางของตกแต่งห้องไปในตัว
  • สร้างเสน่ห์ให้ผนังมีบรรยากาศเหมือนผนังบ้านไม้โบราณ ด้วยการติดคิ้วไม้เล็ก ๆ หน้ากว้าง 3 เซนติเมตร โดนเว้นระยะห่างทุก ๆ 35 เซนติเมตร ด้านล่างจบงานด้วยคิ้วไม้แนวนอนที่ยกให้สูงจากพื้น 60 เซนติเมตร ตามแบบฉบับผนังบ้านสไตล์คลาสสิก ทำสีขาวควันบุหรี่หรือสีหวาน ๆ แนวพาสเทล เท่านี้ห้องก็ดูวินเทจได้ง่าย ๆ แล้ว

Wall Hanging 

         ผนังบ้านก็เปรียบเสหมือนเฟรมภาพขนาดใหญ่ ถ้ารู้จักเติมแต่งให้ดี บ้านเรียบ ๆ ที่ดูธรรมดาก็จะกลายเป็นบ้านสไตล์วินเทจได้ มาดูกันดีกว่าในสไตล์นี้เขาตกแต่งพื้นที่ว่างบนผนังด้วยอะไรกันบ้าง

  

  • บรรยากาศแบบวินเทจหรือแบบตะวันตก นิยมตกแต่งผนังด้วยจานเซรามิกเพ้นต์ภาพวิวอาคารบ้านเรือน หรือภาพคนในยุคคลาสสิก หากใครมีจานเซรามิกแบบนี้สะสมอยู่ก็สามารถนำมาแขวนโชว์หรือตกแต่งได้ โดยนำมายึดด้วยลวดดัดรัดขอบจานซึ่งมีลักษณะเหมือนรูปตัวเอช (H) ด้านหลังขดลวดจะเป็นขอใช้แขวนกับตะปู หรือถ้าใครคิดอยากจะติดแบบถาวรก็สามารถใช้กาวซิลิโคนทาด้านหลังแล้วติดกับผนัง แต่หากจะให้สวยต้องแขวนให้เต็มผนังแล้ววางสลับกันไปมาทั้งขนาดเล็กและใหญ่ ถ้ามีโอกาสไปต่างประเทศก็อย่าลืมแวะ Flea Market เพราะจานสวย ๆ มักจะมาจากตลาดของเก่าเหล่านี้ หรือถ้าใครยังไม่มีเวลาไปก็ลองเดินเล่นหาจานสไตล์นี้ได้ที่ตลาดนัดสวนจตุจักรและตลาดนัดรถไฟกันได้
  • ตกแต่งผนังด้วยรูปภาพเป็นไอเดียที่ไม่ง่ายและไม่ยาก แนะนำให้ใสกรอบที่มีโทนสีหรือลายเดียวกันให้เข้าชุด โดยคุณสามารถนำรูปภาพที่ต้องการมาจัดเรียงบนพื้นก่อนที่จะติดตั้งจริง โดยเริ่มติดรูปชิ้นแรกบริเวณกึ่งกลางผนังให้สูงกว่าระดับสายตาเล็กน้อย หรือสูงประมาณ 1.40-1.50 เมตร ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับผนังที่ต้องการติดด้วย หากติดบนผนังหลังโต๊ะคอนโซลหรือโซฟา ก็ควรเพิ่มความสูงให้มากขึ้นอีกเล็กน้อย อาจเพิ่มความโดดเด่นให้มุมนี้ด้วยการติดวอลล์เปเปอร์บนผนัง โดยเลือกโทนสีที่ต่างจากกรอบรูปเพื่อไม่ให้แย่งความเด่นของรูปภาพ

Door and Window

         หน้าต่างและบานประตูเป็นช่องว่างที่เชื่อมต่อระหว่างภายในและภายนอก บ้านอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ จึงเป็นส่วนประกอบที่สำคัญในการกำหนดสไตล์ของบ้านด้วย ลองมาดูกันว่าจะเพิ่มลูกเล่นอะไรให้บ้านดูวินเทจขึ้นได้บ้าง

  

         ช่องแสงบานประตูของบ้านสไตล์นี้นิยมตกแต่งเหล็กดัดลายเถาวัลย์สไตล์ Wrought Iron มีต้นกำเนิดมาจากอิตาลี เริ่มต้นจากการนำเหล็กเส้นเล็ก ๆ ที่เพิ่งหลอมขึ้นจากเตามาทุบด้วยข้อนเพื่อดัดงอให้เกิดรูปทรงต่าง ๆ นิยมทำเป็นรูปดอกไม้ เถาวัลย์ และผีเสื้อ สัญลักษณ์ที่สื่อถึงธรรมชาติ ช่วยสร้างบรรยากาศให้บานประตูเรียบ ๆ ดูมีเสน่ห์ สำหรับการกรุกระจกช่องแสงที่บานประตู หากต้องการเพิ่มความปลอดภัยแนะนำให้เลือกใช้กระจกนิรภัยที่หนา และไม่มีมุมแหลมคมเวลาแตก หรือจะใช้กระจกสีตกแต่งแบบโบสถ์คริสต์ก็ดูสวยไปอีกแบบ

         ทำสีบานประตูไม้ให้ดูเก่าก็เป็นอีกเทคนิคที่ช่วยให้บ้านดูย้อนยุคสไตล์วินเทจได้ ทำง่าย ๆ ด้วยการ ทาสีบนบานไม้สองชั้น จากนั้นใช้กระดาษทรายหรือเครื่องขัดกระดาษทรายขัดพื้นผิวของสีออก เพื่อโชว์สีหรือ เนื้อไม้ที่ซ่อนอยู่ภายใน เพื่อความสวยงามควรเลือกสีที่แตกต่างกันชัดเจน เช่น น้ำกับฟ้า หรือขาวกับเขียว เพื่อให้เกิดพื้นผิวและสีสไตล์ไม้เก่า นอกจากนี้ควรเลือกใช้มือจับหรือตัวล็อกที่เป็นงานทองเหลืองจะดูเข้ากันมาก สามารถหาซื้อได้ที่ร้านขายมือจับโบราณในตลาดนัดจตุจักร และย่านบางโพ

  

         ซุ้มโค้งรอบกรอบหน้าต่างบนผนังก่ออิฐโชว์แนวเหมาะมากกับบ้านสไตล์นี้ โดยเฉพาะบานหน้าต่างที่มีวงกบไม้ใส่บานลูกฟัก ตกแต่งด้วยลวดลายทองเหลืองหล่อ และมือจับทองเหลือง ยิ่งช่วยเสริมให้บ้านดูเป็นวินเทจหรูหราขึ้น สำหรับการตกแต่งผนังแบบนี้แนะนำให้ทำซุ้มยื่นออกจากผนัง 30-40 เซนติเมตร เพื่อกันไม่ให้น้ำฝนและแสงแดดสาดเข้ามาสร้างความเสียหายแก่บานไม้

Soft Finishing

         ผ้าม่านและผ้าบุเฟอร์นิเจอร์เป็นอีกหนึ่งรายละเอียดช่วยเสริมให้สไตล์นี้ดูเด่นยิ่งขึ้น บรรดาผ้าลายเถาว์หรือลายดอกไม้สวยหวานจึงเป็นหัวใจสำคัญการตกแต่งบ้านสไตล์วินเทจ ใครสะสมผ้าลายสวย ๆ สไตล์นี้ไว้ก็ถึงเวลานำมาปัดฝุ่น ใช้หุ้มเฟอร์นิเจอร์ ปลอกหมอน หรือจะนำมาใส่กรอบรูปใช้แทนรูปภาพ ๆ ก็ได้

 

         ลองหาผ้าลูกไม้มาตกแต่งตามประตูทางเดินหรือหน้าต่าง จะช่วยสร้างบรรยากาศให้ดูคลาสสิกสวยหวาน โดยหาผ้าที่มีขนาดพอดีกับช่องหน้าต่างหรือประตู ยึดแบบง่าย ๆ ด้วยการใช้ลวดสะลิงร้อยกับตัวผ้าแล้วขึงให้ตึงทั้งสองด้าน หรือจะใช้ลวดสำหรับขึงผ้าม่านที่มีปลายเป็นขอเกี่ยวแบบสมัยโบราณแทนก็ประหยัดงบดี ไม่จำเป็นต้องใช้ราวแขวนผ้าม่านแบบทั่วไป เนื่องจากการติดตั้งผ้าสไตล์นี้จะไม่เน้นเรื่องการใช้งาน แต่เน้นที่ความสวยงามมากกว่า จึงไม่ต้องกัวลเรื่องการรูดผ้าไปมา ขนาดผ้าที่พอเหมาะคือยาวไม่เกิน 35 เซนติเมตร จากขอบหน้าต่าง

  

         โต๊ะแต่งตัว โต๊ะกลาง หรือสตูล สามารถนำผ้ามาประดับเพื่อเพิ่มความสวยงามตามสไตล์วินเทจได้ โดยเย็บผ้าให้มีความยาวคลุมขาโต๊ะหรือเก้าอี้ ปลายทั้งสองด้านของขอบผ้าติดเทปกาวตีนตุ๊กแก เพื่อความสะดวกเวลาถอดซักหรือทำความสะอาด ลองตกแต่งชายผ้าด้วยผ้าลูกไม้หรือติดพู่รอบ ๆ ถ้าใครมีฝีมือด้านเย็บปักถักร้อยให้ลองหาไหมหรือด้ายที่ชอบมาปักลวดลายลงบนผ้าก็ดูสวยเก๋ไปอีกแบบ

        ผ้าหุ้มเบาะและผ้าหุ้มเฟอร์นิเจอร์สไตล์วินเทจส่วนใหญ่จะเน้นใช้ผ้าลายเถาว์ หรือลายดอกไม้เป็นหลักถ้าคุณอยากปรับเปลี่ยนเฟอร์นิเจอร์ให้เป็นสไตล์วินเทจก็สามารถเปลี่ยนผ้าหุ้มโซฟาได้ บางตัวอาจจับจีบระบายที่ฐานหรือจะใช้เทคนิคดึงหมุดแบบโบราณ ก็จะยิ่งช่วยเพิ่มเสน่ห์ให้กับชุดโซฟาของคุณ หรือถ้าใครมีเก้าอี้ไม้สไตล์ย้อนยุคอยู่ คุณก็อาจเย็บเบาะรองนั่งกุ๊นขอบด้วยผ้าจับจีบระบายหรือผ้าลูกไม้ แล้วทำเชือกเล็ก ๆ ที่มุมเบาะเพื่อใช้ผูกกับตัวเก้าอี้ก็ดูน่ารักไปอีกแบบ

Home elements 

         รายละเอียดเล็ก ๆ น้อยที่ตกแต่งตามส่วนต่าง ๆ ของอาคาร ช่วยให้บ้านดูสวยแบบวินเทจได้เป็นอย่างดี

        เพิ่มรายละเอียดบริเวณซุ้มประตูหรือซุ้มทางเดินในบ้านด้วยการตีโครงไม้ ขนาด 2x4 นิ้ว โดยเว้นช่องทางเดินให้สูงประมาณ 2-2.10 เซนติเมตร สามารถปรับความสูงต่ำได้ตามขนาดพื้นที่ ส่วนช่องด้านบนตีโครงไม้เว้นระยะห่าง 25-30 เซนติเมตร กรุกระจกสีโบราณหรือกระจกลายพิกุล หากใช้กระจกสีขาว ตัวกรอบไม้อาจเน้นให้ดูเด่นด้วยการทาสีสดใสจะช่วยให้ซุ้มทางเดินดูสวยเด่นมากยิ่งขึ้น

       สไตล์นี้มักจะใช้ประตูหน้าต่างแบบคลาสสิกอย่างบานประตูลูกฟัก แต่ถ้าเพิ่มแผงไม้ฉลุที่บริเวณด้านบนของซุ้มประตูก็จะช่วยให้บ้านดูอ่อนช้อยยิ่งขึ้น ปกติบานประตูจะมีความสูง 2 - 2.10 เมตร พื้นที่ด้านบนเหนือประตูสามารถเจาะเป็นช่องโล่งแล้วติดตั้งแผงไม้ฉลุลงไป และเพื่อให้สามารถเช็ดทำความสะอาดง่ายอาจติดแผ่นกระจกใสขนาบแผ่นไม้ฉลุทั้งสองด้าน เพื่อกันฝุ่นละอองและยังเหมาะกับห้องที่ต้องการติดตั้งเครื่องปรับอากาศอีกด้วย

Link  http://www.roommag.com/detail.aspx?articleId=542&magno=107