โดย : วารยา

            บ้านคืออีกหนึ่งความรื่นรมย์ของชีวิต นอกเหนือไปจากที่อยู่อาศัย ที่ซุกหัวนอน คนสมัยนี้ให้ความสำคัญกับบ้านมากขึ้น การมองหาดีไซน์ใหม่ๆ หรือซื้อเครื่องเรือนของตกแต่งบ้านจิปาถะ...
           การซื้อของตบแต่งบ้าน ไม่ใช่ความสนใจเฉพาะคนมีครอบครัว มีลูก หรือคู่รักที่กำลังสร้างเรือนหออีกต่อไป  คนโสดรุ่นใหม่ก็อยากมีบ้านที่มีดีไซน์เป็นของตัวเองเหมือนกัน ของตกแต่งบ้านจิปาถะไม่ใช่ความสนใจเฉพาะคนมีครอบครัว มีลูก หรือคู่รักที่กำลังสร้างเรือนหออีกต่อไป คนโสดรุ่นใหม่ก็อยากมีบ้านที่มีดีไซน์เป็นของตัวเองเหมือนกัน โลกของการตกแต่งบ้านในยุคนี้จึงกว้างมากขึ้น สไตล์ของการตกแต่งบ้านไม่ได้มีเฉพาะแค่แบบโมเดิร์น แบบอังกฤษ แบบฝรั่งเศส หรือแบบโอลด์แทรดิชั่นไทยแท้เท่านั้น ยังแตกย่อยและสามารถนำมาผสมผสานให้เป็นตัวของตัวเองได้การตกแต่งบ้านสมัยใหม่จึงเป็นอะไรที่ ทั้งคำนึงประโยชน์ใช้สอย ความสะดวกสบาย ความรื่นรมย์ และสไตล์ที่บ่งบอกความเป็นตัวของตัวเจ้าของบ้าน... ฟังแล้วยากอยู่เหมือนกันนะที่จะให้ 3-4 อย่างนี้มาลงตัวในบ้านหลังเดียว อาจจะต้องอาศัยมืออาชีพอย่างที่เรียกว่า 'มัณฑนากร' มาช่วยตกแต่งให้

           ก่อนที่มัณฑนากรจะออกแบบให้ เขาจะต้องรู้ให้ชัดก่อนว่าเราชอบสไตล์ไหน แค่ชี้ตามภาพที่เห็นในแมกกาซีนฝรั่งว่าแบบนั้นแบบนี้สวยดี บางทีอาจไม่เข้ากับตัวบ้านของเรา หรือการใช้สอยในชีวิตประจำวันของเราก็ได้ หากไม่แน่ใจว่าชอบบ้านแบบไหน ขอแนะนำว่าให้เลือกแบบที่เป็นกลางๆ ประเภท Casual Style ไว้ก่อน น่าจะดี เพราะการตกแต่งแบบแคสชวลเน้นความสบาย (ประมาณว่า เดินเข้าไปในห้องแล้วอยากล้มตัวลงนอน) ให้บรรยากาศอบอุ่น เป็นกันเอง รีแล็กซ์ เหมาะจะเป็นบ๊าน บ้าน สำหรับทุกคน  การตกแต่งแบบแคสชวล จะใช้วัสดุและอุปกรณ์ตกแต่งที่เรียบง่าย ให้ความรู้สึก นุ่มนวล สบายตาสบายใจ เฟอร์นิเจอร์เตี้ยๆ แนวนอน และไม่จัดให้ลงตัวเรียบกริบ บ้านแบบแคสชวลยังใช้ของตกแต่งบ้านแปลกๆ เช่น เอารูปโปสการ์ดที่สะสมไว้มาตกแต่งโต๊ะรับแขก เอาขวดสวยๆ มาทำโคมไฟ ให้บรรยากาศของบ้านที่มีเรื่องราวของผู้อยู่อาศัย หรือยังใช้สไตล์คันทรี้มาผสมผสานได้ด้วย แล้วแต่ความชอบ บางทีอาจจะแคสชวลเฉพาะบางห้องบางมุมของบ้านก็ได้ เช่น ห้องนั่งเล่นที่ต้องการความเป็นกันเอ๊งกันเอง ห้องกินข้าว ซึ่งเป็นห้องที่คนในบ้านมาเอนจอยกัน เพราะฉะนั้น กฎข้อแรกๆ ของการมีสไตล์แคสชวล จะต้องเลือกเฟอร์นิเจอร์หลักที่แสดงความเป็นแคสชวล เช่น โซฟา เก้าอี้รับแขก โต๊ะอาหาร เป็นต้น ที่ดูนุ่มนวล สบาย เตี้ย กว้าง อาจจะบุผ้าที่ดูนุ่มๆ ดีไซน์ สีสันไม่หวือหวาโดดเด่นเกินไปนัก สามารถเคลื่อนย้ายจัดใหม่ ผสมผสานกับเฟอร์นิเจอร์อื่นได้ง่าย สีที่เป็นกลางๆ ก็บ่งบอกความเป็นแคสชวลได้ดี เช่น สีเบจ แทน น้ำตาล เทา และสีพาสเทล ประมาณเขียวนวล ฟ้านุ่ม ชมพูนุ่ม ม่วงนวล เป็นต้น ควรให้สีทั้งห้อง ทั้งผนังและเฟอร์นิเจอร์ ของตกแต่ง มีสีที่ผสมผสานกัน แสงที่นุ่มสบายก็ช่วยให้บรรยากาศของการพักผ่อนแบบแคสชวล ทั้งแสงธรรมชาติที่ส่องลอดเข้ามาทางกระจกหรือประตูที่เปิดอ้าสู่สวน และแสงไฟจากโคมที่ให้แสงนวลสบายตา นอกเหนือจากตัวบ้านและการตกแต่งหลักๆ แล้ว เราสามารถเพิ่มเติมความเป็นแคสชวลให้บ้านของเราเองอย่างง่ายๆ แบบนี้ค่ะ

• หาผ้าสีนุ่มๆ มี texture หรือลวดลายในเนื้อแบบต่างๆ มาปูโต๊ะ
• วางหมอนอิงสีกลมกลืนหรือโทนที่เข้ากันกับโซฟา อาจประดับด้วยกระดุม จีบ ระบาย กุ๊นริม
• หาหมอนอิงใบใหญ่ สีโทนนุ่ม 2-3 ใบไว้กลิ้งเกลือกกับพื้น
• ยามค่ำคืน จุดเทียนหอมเพิ่มบรรยากาศอบอุ่นและหอมหวาน
• วางต้นไม้ประดับตามมุมต่างๆ
• วางแจกันใส่ดอกไม้สีหวานบนโต๊ะ
• หาของใช้กระจุกกระจิกประเภทหวาย เช่นตะกร้าหวายใส่ผลไม้ ที่วางนิตยสาร หวาย แทนของใช้ที่เป็นโลหะ
• วางโต๊ะเล็กๆ กับเก้าอี้ หรือเก้าอี้โยก เก้าอี้เอนนอน ที่มุมโปรด

จะว่าไปแล้ว พูดได้ว่าการตกแต่งแบบแคสชวลนี้น่าจะเหมาะกับความเป็นครอบครัวมากที่สุด ที่ทุกคนรู้สึกได้ถึงความสบาย อบอุ่น และได้พักผ่อนกายใจอย่างแท้จริง

ที่มา www.108health.com