Home » ออกแบบตกแต่ง บ้านและสวน » การแต่งคอนโดมิเนียม (เคล็ดไม่ลับ)

การบริหาร/ความรู้ทั่วไป

Web Design by Softbiz+


ว็บนี้ สร้างด้วย Joomla! 1.5 โดย ทีมงานซอฟท์บิส+ update11.11.2014

 
การแต่งคอนโดมิเนียม (เคล็ดไม่ลับ)

    คจะ ปฎิเสธไม่ได้แล้วว่า ชีวิตคนเมืองในปัจจุบันได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก จากเดิมที่เคยอยู่บ้านบนดิน มีรั้วรอบขอบชิด เด็กๆ วิ่งเล่นในบ้านได้ เดี๋ยวนี้คนเมืองทันสมัยก็ต้องไปอาศัยอยู่บ้านบนฟ้า อาศัยผนังร่วมกับเพื่อนบ้าน จะขึ้นจะลงก็ต้องใช้ลิฟท์ ลูกหลานจะเล่นก็ต้องไปพื้นที่ส่วนกลาง และที่สำคัญบ้านบนฟ้าเหล่านี้ยังมีราคาแพงจนเหลือเชื่อ เมื่อสิบยี่สิบปีที่แล้ว หากมีใครสักคนที่บอกว่าจะซื้อบ้านในราคาตารางเมตรละแสนกว่าบาทในกรุงเทพแล้ว ละก้อ สงสัยต้องส่งไปอยู่เช็คสมองกันสักหน่อย 

          แต่ เดี๋ยวนี้ ห้องชุดพักอาศัยใจกลางเมืองบนคอนโดมิเนียมชั้นดี ราคาพุ่งไปกว่าแสนบาทต่อตารางเมตร ทำเอาหลายต่อหลายคนปรับตัวกันแทบไม่ทันเลยทีเดียว และผลที่ตามมาก็กลายเป็นว่าห้องชุดขนาดมาตรฐานในปัจจุบันมีขนาดไม่เกิน 40 ตารางเมตรสำหรับห้องชุดแบบ 1 ห้องนอน และไม่เกิน 75 ตารางเมตรสำหรับห้องชุดแบบ 2 ห้องนอน ส่วนห้องชุดที่ขนาดเกินกว่า 100 ตารางเมตรกลายเป็นห้องชุดขนาดหรูหราสำหรับเศรษฐี ในขณะที่ Penthouse แบบสองชั้นราคาก็ทะลุสี่สิบล้านไปเรียบร้อยแล้วครับ

          คิดๆ แล้วก็สงสารค่าเงินของเราที่นับวันจะมีค่าน้อยลงไปทุกทีๆ หากเราไม่คิดจะเดินตามหลัก “พอเพียง” ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอันที่รักยิ่งของปวงประชาแล้ว คงยากนักที่จะหยุดภาวะเงินเฟ้ออันเนื่องมาจากกระแสความผันผวนของการเงินโลก ได้อีกต่อไป

           อันที่จริง ผมเคยมานั่งคิดว่าความสุขของคนเรานั้นอยู่ที่ตรงไหน จะบอกว่าเป็นเรื่องของการมีเงินมากมายมหาศาลนั้นก็คงไม่ใช่สักทีเดียว เพราะผมว่าการที่คนเรามีเงินในระดับที่พอกินพอใช้ ไม่ต้องเป็นหนี้เป็นสิน ได้ทานข้าวหรือไปเที่ยวกับครอบครัวอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา บางครั้งยังดูจะมีความสุขมากกว่าคนรวยๆ จำนวนมาก ที่ไม่ค่อยได้กลับบ้าน แม้จะมีรถยนต์ราคาแพง บ้านหลังใหญ่โต แต่กลับเดินหาลูกๆ ไม่เจอ แบบนี้ให้ผมเลือก ผมก็ไม่เอาหรอกครับ  ขอเป็นคนธรรมดาที่มีความสุขกับครอบครัวดีกว่า

          กลับ เข้าเรื่องกันต่อนะครับ ในสถานการณ์ที่พื้นที่ต่อตารางเมตรมีราคาแพงกว่าทองคำเช่นนี้ ท่านเจ้าของห้องชุดทั้งหลายคงอยากจะใช้พื้นที่ต่างๆ ให้คุ้มกับเงินที่เสียไป ซึ่งผมเชื่อว่าทุกท่านที่สามารถซื้อห้องชุดที่มีราคาแพงแบบนี้ได้ ย่อมต้องการที่จะเนรมิตห้องชุดของตนให้เป็นโลกส่วนตัวที่เปี่ยมไปด้วยความ สุขอย่างแน่นอน 

          แต่ การที่จะสร้างสรรค์ห้องชุดที่มีพื้นที่จำกัดให้กลายเป็นห้องชุดที่สมบูรณ์ แบบและสวยงามนั้น จำเป็นต้องมีเคล็ดลับบางประการที่จะช่วยให้การตกแต่งห้องชุดออกมาได้สมกับ จินตนาการของท่าน ซึ่งวันนี้ ผมจะมานำเสนอเคล็ดลับเหล่านี้ที่จะไม่เป็นความลับอีกต่อไป ซึ่งได้ถ่ายทอดกันมาในหมู่ของนักออกแบบตกแต่งภายในจากรุ่นสู่รุ่น ดังมีรายละเอียดต่อไปนี้ครับ

  1.  Open-plan design คือชื่อของการจัด Plan แบบหนึ่ง ที่ฟังชื่อแล้วอาจจะดูหรูหราอยู่สักหน่อย แต่ความจริงแล้ว มันเป็นการจัดพื้นที่ใช้สอยแบบใช้ร่วมกัน จากแต่เดิมที่เราเคยแบ่งแยกห้องต่างๆ ตามประโยชน์ใช้สอยเฉพาะ เช่น ห้องอาหาร ห้องนั่งเล่น ห้องนอน หรือแม้กระทั่งห้องครัว แต่ใน Open-plan design นั้น เราจะพยายามรวม Function เหล่านี้เข้าไว้ด้วยกัน “รวมอยู่ในห้องเดียว” โดยมีการแบ่งพื้นที่ด้วยผนังเตี้ยๆ หรือผนังโปร่งแบบต่างๆ หรืออาจจะไม่แบ่งเลยก็ได้

          และผลที่ได้คือห้องที่มีขนาด Full size แต่มีการสร้างประโยชน์ใช้สอยได้หลากหลาย เหมาะสำหรับห้องที่มีพื้นที่จำกัดเป็นอย่างยิ่ง แต่อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าเราจะจัด Plan ดีอย่างไร ความจริงเรื่องขนาดที่จำกัดของพื้นที่ ก็ยังคงอยู่เหมือนเดิม แน่นอนว่าความสะดวกสบายของการใช้สอยในห้องแบบ Open plan นี้ คงจะสู้การจัดห้องแบบแยกตามประโยชน์ใช้สอยเฉพาะไปไม่ได้ (หากมีพื้นที่พอ)

          แต่ข้อดีอีกอย่างหนึ่งคือการจัดพื้นที่แบบ Open-plan นี้จะสามารถแก้ปัญหาของหน้าต่างที่มีอยู่เพียงด้านเดียวได้ดี เพราะแสงที่ลอดมาจากหน้าต่างสามารถที่จะส่องเข้ามาถึงพื้นที่ที่อยู่ห่างหน้าต่างได้มากขึ้น และทำให้ห้องดูโปร่งขึ้นมากทีเดียว

    2.  การใช้ผนังกั้นแบบปรับเปลี่ยนได้  เป็นอีกเทคนิคหนึ่งที่ได้รับการยอมรับมากขึ้นในเวลานี้ เพราะเราจะสามารถปรับเปลี่ยนผนังกั้นพื้นที่ให้เข้ากับการใช้สอยในแต่ละเวลาได้ เช่น การใช้บานเลื่อนแบบซ่อนในผนัง หรือบานเฟี้ยมที่เปิดได้กว้างเต็มผนัง หรือแม้กระทั่งการใช้ผ้าม่าน จะทำให้เกิดความหลากหลายของพื้นที่ได้อย่างทันตาเห็น และยังทำให้เจ้าของบ้านสามารถเลือกปิด, กั้นหรือเปิดพื้นที่ต่างๆ ได้อย่างง่ายดาย ตามความต้องการอีกด้วย

  

    3.  การแบ่งพื้นที่เป็นสองชั้น  เป็นเทคนิคของการเพิ่มพื้นที่ใช้สอยที่ดีมาก และเป็นที่นิยมมากสำหรับกลุ่มที่พักอาศัยในห้องชุดแบบ Loft ที่มีห้องค่อนข้างสูงโปร่ง โดยเป็นการเพิ่มชั้นลอยขึ้นมาภายในห้อง ซึ่งพื้นที่ที่อยู่ด้านล่างก็สามารถใช้ประโยชน์เป็นที่เก็บของ หรือโต๊ะทำงานได้ ในขณะที่พื้นที่ด้านบนก็สามารถปรับเป็นส่วนนอนได้เช่นกัน อย่างไรก็ดี สำหรับห้องชุดในบ้านเรา อาจจะใช้เทคนิคนี้ไม่ได้มากนัก เพราะมีความจำกัดด้านความสูงของห้องไว้ที่ 2.40 เมตร ทำให้การแบ่งห้องเพื่อใช้ประโยชน์ทำได้ไม่ดีเท่าที่ควร และอาจจะทำให้ส่วนที่แบ่งไว้ดูอึดอัดอีกด้วย

  

4. การเพิ่มพื้นที่ส่วนเก็บจากพื้นที่ว่างต่างๆ เช่น การดัดแปลงส่วนใต้ที่นั่งให้กลายเป็นตู้เก็บของหรือตู้เก็บรองเท้า หรือการทำพื้นยกระดับที่สามารถเปิดขึ้นมาได้และใช้พื้นที่ด้านล่างเป็นส่วนเก็บของเบ็ดเตล็ดทั้งหลาย นอกจากจะเป็นการเพิ่มประโยชน์ใช้สอยอย่างชาญฉลาดแล้ว ยังเป็นการเพิ่มมิติให้กับห้องได้อย่างดีอีกด้วย

      นอกจากนี้ การสร้างตู้เก็บของขนาดเล็กบนพื้นที่เล็กๆ น้อยๆ หรือติดตั้งผนังที่สามารถจัดวางของโชว์ได้ ก็เป็นไอเดียที่ดีที่เจ้าของบ้านจะสามารถโชว์ของสะสมต่างๆ พร้อมกับสร้างความน่าสนใจให้กับผนังโล่งๆ อีกด้วย

  

Before

After

5. การเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์อเนกประสงค์ หรือปรับเปลี่ยนได้ เช่น โต๊ะทานอาหารที่สามารถปรับเปลี่ยนขนาดจาก 2 ที่นั่งกลายเป็น 4 ที่นั่งได้ หรือ โต๊ะกลางชุดรับแขกที่สามารถแปลงกายเป็นโต๊ะทำงานมาตรฐานได้ แบบนี้จะทำให้พื้นที่ในแต่ละส่วนมีความยืดหยุ่นมากขึ้น และสามารถรองรับการใช้งานที่หลากหลายมากขึ้นได้ง่าย แต่เฟอร์นิเจอร์เหล่านี้ ก็จะมีราคาแพงกว่าเฟอร์นิเจอร์ทั่วไปอยู่พอสมควร (แลกกับ Function ที่เพิ่มขึ้นมา) ซึ่งหากคำนวณแล้วทำให้พื้นที่ราคาแพงของเรา ได้ใช้ประโยชน์ได้คุ้มค่าขึ้น ก็น่าลองนะครับ

          นอกจากนี้ เฟอร์นิเจอร์บางชิ้นที่อาจจะปรับเปลี่ยนไม่ได้ แต่มี Function ร่วมได้ เช่น โซฟาขนาดใหญ่ ที่ผมเคยไปเห็นมา พอนำมาวางในห้องชุดแล้ว จะดูสวยงามและเป็นโซฟาที่คนสามารถไปนั่งเล่น นอนเล่นได้ และรับแขกที่สนิทๆ กันได้ แต่พอตกกลางคืน เจ้าของบ้านก็สามารถปูผ้าปูที่นอน กลายเป็นเตียงนอนไปได้เลย ดูดีไปอีกแบบครับ
เมื่อหลายปีก่อน ผมเคยเห็นเตียงนอนที่สามารถเก็บซ่อนในตู้ได้ ซึ่งก็ทำให้ห้องขนาดเล็กๆ กลายเป็นห้องรับแขกในตอนกลางวัน และกลายเป็นห้องนอนในตอนกลางคืน เพียงแต่เปิดตู้และดึงเตียงลงมาเท่านั้น อย่างไรก็ดี อุปกรณ์ที่ใช้ดังกล่าวมีราคาค่อนข้างแพง และไม่ทนทาน หากต้องใช้งานทุกวัน ยังเสี่ยงที่จะทำให้เจ้าของบ้านปวดหลังได้อีกด้วย

          เอาล่ะครับ รู้สึกเหมือนจะไม่จบซะแล้ว เพราะหมดโควต้าของผมพอดี คงต้องขอไปต่อตอนหน้า เกี่ยวกับเคล็ดไม่ลับทั้งหลายที่จะทำให้ห้องชุดในคอนโดมิเนียมดูสวยงามลงตัว และใช้สอยได้เต็มประสิทธิภาพครับ อย่าลืมติดตามตอนต่อไปนะครับ ขอบคุณมากครับ

-- Isyss --

ที่มา   http://www.bareo-isyss.com/43/43_tips_condo.html