สวัสดีครับทุกท่าน หลังจากประกาศผลไปแล้วสำหรับโครงการประกวด "สวนผักในบ้านฉัน ปี 2" วันนี้เรามีเรื่องราวของผู้ขนะแต่ละคน ว่ามีเรื่องราวความเป็นมาอย่างไร เค้าปลูกผักกันยังไง มีแรงบันดาลใจอะไรจึงมาปลูก เอาเป็นว่าไปอ่านให้เป็นน้ำย่อยก่อนที่หนังสือ "สวนผักในบ้านฉันปี2" จะออกละกันนะครับ

ประเภทดาดฟ้า มี 2 รางวัล

1. ด.ช. กฤช และคุณฐนะวัฒน์ เอี่ยมธนานนท์

พ่อปลูกลูกชายช่วย สร้างสวนดาดฟ้าบนตึก 4 ชั้นย่านถนนสุขุมวิท ปลูกผสมผสานระหว่างไม้ประดับและพืชกินได้ เช่น กะเพรา โหระพา ผักบุ้ง อัญชัญ พริกหวาน มะระ ฯลฯ เน้นชนิดที่เด็ดยอดเด็ดใบกิน และปักกิ่งขยายพันธุ์ได้เรื่อยๆ   ดาดฟ้าของบ้านยังไม่ได้มีเพียงต้นไม้เท่านั้น ยังมีตั่งนั่งที่คุณพ่อสร้างจากไม้ที่รื้อจากบ้านเก่าและป้ายหาเสียงให้เป็นมุมพักผ่อนของครอบครัว รุ่นคุณพ่อมีทักษะความรู้การเพาะปลูกตั้งแต่สมัยเรียนวิชาเกษตรที่โรงเรียน แล้วลองผิดลองถูก สอบถามจากพ่อค้าแม่ค้าแถวปากคลองตลาด ส่วนรุ่นลูกหาความรู้จากพ่อและค้นหาจากอาจารย์กูเกิล

2.  คุณสุดารัตน์ เลิศสีทอง

คุณแม่อาร์ตไดเร็คเตอร์ที่มีแรงบันดาลใจอยากให้ลูกตัวน้อยวัยขวบเศษได้ฝึกกินผัก และปลอดภัยจากสารเคมี ประกอบกับเสียดายผักที่มักเหลือทิ้งเพราะใช้ไม่ทัน  หลังจากหาข้อมูลในกูเกิลและด้อมๆมองๆสวนดาดฟ้าของสำนักงานเขตหลักสี่อยู่สักพักเธอก็เริ่มลงมือทำตามบ้าง  ลงแรงเทใจเดินขึ้นเดินลงโฮมส์ออฟฟิส 4 ชั้นที่ล้อมรอบด้วยห้างสรรพสินค้าย่านพระราม 2   สร้างแปลงผักจากท่อพีวีซีรองด้วยกระสอบ กั้นด้านข้างด้วยฟิวเจอร์บอร์ดเก่าๆ ใช้เวลาตอนกลางคืนถักเชือกให้เป็นที่เลื้อยของพืชตระกูลเถา ไม่ทันถึงครึ่งปีคุณแม่ก็หายเหนื่อยด้วยสวนผักแตกใบออกผลให้ได้เก็บกินเกินคาด น้องหนูตัวเล็กได้กินผักปลอดสารทุกวันแล้วยังได้ฝึกพูดชื่อผักที่คุณแม่เก็บให้กินนั่นเอง

ประเภททาวน์เฮ้าส์ มี 2 รางวัล

1. คุณจุฑาภรณ์ นันทจินดา

สาวพยาบาลที่ชีวิตไม่เคยขาดสีเขียว ได้ปลูกพืชผักสวนครัวตั้งแต่เป็นเด็กต่างจังหวัด สมัยเป็นนักศึกษาพยาบาลที่ต้องอยู่หอพักก็ยังพยายามปลูกบริเวณระเบียงจนเพื่อนๆพากันประหลาดใจ เมื่อมีทาวน์เฮ้าส์ที่กรุงเทพฯย่านรามอินทราก็ได้ทีเปลี่ยนแปลงสวนหย่อมหน้าบ้านให้เป็นสวนผสมระหว่างสวนสมุนไพร ไม้กินได้ และไม้ยืนต้นดอกหอม  เริ่มจากปรับคุณภาพดินด้วยใบไม้แห้งเพื่อเรียกให้ไส้เดือนมาช่วย รักษาหน้าดินและป้องกันวัชพืชด้วยการโรยทรายบนชั้นดิน แถมมีวิธีแก้เผ็ดเจ้าตูบที่ชอบมากินกะเพราด้วยวิธีง่ายๆ คือแอบเอาใบฟ้าทะลายโจรปนไปกับใบกะเพราที่ตูบกิน หลังจากนั้นตูบก็ไม่มายุ่งอีกเลย

2.คุณวิลาสินี สุวรรณสัมฤทธิ์

พื้นที่บนระเบียงทาวน์เฮ้าส์ย่านบางขุนนนท์ของสาวน้อยกับแฟนและเพื่อนๆ ถูกแปลงเป็นสวนครัวและสวนหย่อมเล็กๆ เก๋ไก๋ดูสบายน่านั่ง  เริ่มทำเพียงเวลาไม่ถึงสามเดือนแต่ก็ได้เก็บกินกันแล้ว  และยังมีแปลนว่าจะปลูกชนิดอื่นๆตามมาอีกเรื่อยๆ ดูจากเชือกที่ขึงเป็นตาข่ายแน่นหนาด้านบน  อีกไม่นาน น่าจะมีพืชตระกูลเถาตามมาอีกแน่นอน

ประเภทบ้านเดี่ยว มี 3 รางวัล

1. คุณศิริมา ศิริทรัพย์สถิตย์

สาวอักษรศาสตร์จากรั้วจามจุรี แบ่งเวลาจากการเรียนปริญญาโทแสนหนักหน่วงมาคลุกดินเพาะเมล็ด จากงานอดิเรกแก้เครียดที่ปลูกลงกระถางบริเวณระเบียง ขยายเป็นสวนกินได้ของทุกคนในบ้านที่ไม่จำกัดอยู่แค่พ่อแม่พี่น้อง แต่ยังรวมถึงคนงานของโรงงานทำเข็มขัดหนัง ซึ่งอยู่ในบริเวณเดียวกับบ้านของเธอย่านวงเวียนใหญ่  สวนของสาวอักษรมีทั้งดอกไม้สไตล์อิงลิชคันทรี ไม้ใบสีสด และพืชกินได้ทั้งผักพื้นบ้าน ผักใบ พืชตระกูลเถา ปลูกรวมกันในแปลง เห็นหน้าใสๆแบบนี้เธอเลี้ยง “เมลอน” จนออกผลให้เห็นกันเลยทีเดียว

2. คุณปิยภาพัทธ์ เตชะธนะวัฒน์ถาวร

แม่บ้านลูกเล็กที่ครั้งหนึ่งมีจุดเปลี่ยนให้ต้องหันมาทบทวนสุขภาพ และที่มาของผักผลไม้ที่ซื้อกินเป็นประจำ แล้วทำให้พบว่าการกินสิ่งที่ดีแต่ที่มาไม่ดีก็อาจกลายเป็นโทษได้ เมื่อมีลูกสาวคนแรกจึงเริ่มลงมือปลูกกินเองอย่างจริงจัง  ตัดใจรื้อสวนหย่อมแบบสวยๆที่ “จ้างเขาทำ” มาเป็น สวนครัว “ทำเอง”  ซึ่งแต่เดิมเป็นเรื่องที่ไกลตัวเธอมาก โดยเริ่มศึกษาจากที่ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้เลย ทุกวันนี้นอกจากจะได้กินผักปลอดสารเคมีเกือบทุกวัน เจ้าตัวเล็กที่เติบโตในเมืองก็ยังมีโอกาสได้อยู่กับผืนดินและต้นไม้ใบหญ้าบ้าง ซึ่งจะช่วยเสริมจินตนาการและทักษะของเขาได้เป็นอย่างดี

3. คุณฤทัยภักดิ์ แดงท่าไม้และครอบครัว

หลังพาลูกคนโตวัย 7 ขวบไปทัศนะศึกษาที่ “ไร่ปลูกรัก” จ.นครราชสีมา พ่อแม่ยังสาวยังหนุ่มก็กลับมาชวนลูกปลูกผักปลอดสารต่อที่บ้านเดี่ยวของตัวเองย่านพุทธมณฑลสาย 3   โดยมีคุณตาคอยเลียบๆเคียงๆให้คำแนะนำแบบไม่เป็นทางการ แล้วก็มักดูไม่น่าเชื่อถือแต่สุดท้ายก็เป็นผลดีกับสวนเสียทุกครั้ง ไปๆมาๆเลยแบ่งบ้านหลังที่ใช้ทำออฟฟิศให้มีพื้นที่ทำสวนครัวของครอบครัวที่ทดลองถูกผิดไปเรื่อยๆ เน้นปลูกผักใบและแบบปักกิ่งขึ้นง่ายๆขึ้นบ้างไม่ขึ้นบ้างก็ว่ากันไป บางวันก็เด็ดไปแบ่งเพื่อนๆที่โรงเรียนลูกอีกด้วย นอกจากได้กินยังได้ความสุขและทำให้ใจเย็นมากขึ้นอีกต่างหาก

ประเภทสวนนวัตกรรม มี 2 รางวัล

1. คุณเสถียร จันสา

คุณพ่อนักปลูก มีคุณแม่และลูกสาววัยรุ่นเป็นกองเชียร์ เพราะเชื่อว่าพ่อมือเย็น แต่แม่กับลูกมือร้อน

เมื่องานเริ่มน้อยลงเพราะไม่ต้องทำโอที คุณพ่อที่มีพื้นเพเป็นคนชัยภูมิปลูกต้นไม้กับพ่อแม่มาตั้งแต่เด็กๆ ภูมิปัญญาเพาะปลูกส่งต่อมา เลยมีเวลามาใส่ใจกับพืชผัก ไม้ดอก ไม้ประดับมากขึ้นกว่าแต่ก่อน จากที่เคยปลูกลงกระถาง เลยผุดไอเดียแสนเก๋  จัดแจงเอาขวด “100 Pipers” สุดรักที่กินไปกินมานับได้หลายสิบมาล้อมแทนอิฐ กั้นเป็นกระบะ ผักปัง มะกรูด กะเพรา ยี่หร่า มะละกอ ฟักทอง ฯลฯ ขึ้นปนกันอยู่ในนั้น แล้วยังมีทับทิม  หม่อน มะแว้ง ตำลึง ส้มโอ ปลูกเป็นหย่อมข้างบ้าน หลังบ้าน  อีกไม่นานคุณพ่อว่าถ้าลูกเรียนจบแล้วการงานมันไม่เข้าท่าก็จะขอลากลับบ้านเกิดไปเป็นเกษตรกรตามบรรพบุรุษ

2. คุณจ๋อง   คุณศรี

ติดนิสัยปลูกต้นไม้มาตั้งแต่เด็ก ไปไหนก็ต้องปลูกอะไรสักอย่าง เมื่อเข้ามาทำงานเป็นยามและคน

ดูแลลานจอดรถให้อพาร์ตเมนต์ย่านบางนาก็ยังได้ปลูก โชคดีเจ้าของใจดีให้พื้นที่ส่วนหนึ่งทั้งลงผักและเลี้ยงไก่ ลุงจ๋องเอาอิฐบล็อกมากั้นเป็นแปลง บางส่วนก็ลงกระถางวางเรียงราย พื้นที่แสนแคบ แต่เมื่อเข้าไปดูใกล้ๆจะเห็นพืชผักหลากชนิดใบเขียวเข้มขึ้นปะปนกันดูอิ่มตา ลุงจะรอเมล็ดพันธุ์จากบ้านเกิดที่ จ. ยโสธรเท่านั้น เพราะเมล็ดแบบซองลองซื้อมาปลูกแล้วไม่ค่อยขึ้น  คนที่ทำงานแถวนั้นมักมาขอเด็ดไปกิน บ้างก็มาช่วยปลูก แต่ก็มีที่เข้ามา “ฉก” ไปเฉยๆ ก็ถือว่าแบ่งๆกันกินไป

ประเภทร้านอาหาร มี 1 รางวัล

คุณไร พวงผกา

สวนเล็กๆหลังเพิงขายส้มตำแถวเพชรเกษม  ทุกอย่างที่ปลูกเอามาประกอบอาหารขายได้ทุกชนิด ทั้งแบบอีสานและแบบตามสั่ง 4 ปีที่แล้วเมื่อเริ่มทำเพิงส้มตำ ป้าไรเห็นมีที่ว่างหลังร้านก็เอากิ่งมาปักๆ เอาเมล็ดพันธุ์มาจากบ้านที่ จ. อุบลราชธานีซึ่งปลูกผักขายแบบเป็นท้องร่อง สวนเล็กๆแค่นี้เลยจิ๊บๆ ป้าไรเน้นปลูกผักพื้นบ้าน ให้กลิ่นแรงรสปร่า ดับคาวเข้ากันดีกับลาบ ซุป ส้มตำ แกงอ่อม ฯลฯ   ปลูกอย่างละนิดละหน่อย แต่ก็มีให้หยิบมาทำขายทุกวัน ชะพลู ใบตอง(ห่อหมก) ตะไคร้ กระชาย ไม่ต้องไปซื้อเลย หากลองมาคิดๆรวมกันก็ประหยัดเงินได้ก้อนใหญ่แล้วนะนี่

ที่มา http://www.food4change.in.th