Web Design by Softbiz+
|
เว็บนี้ สร้างด้วย Joomla! 1.5 โดย ทีมงานซอฟท์บิส+ update11.11.2014 |
วิเคราะห์ปัจจัยเสี่ยง ปี 2554 ไม่ควรนำประเทศไปติดกับดักประชา(ภิวัฒน์)นิยม |
ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
"ดร.สมภพ" วิเคราะห์ปัจจัยเสี่ยงปีเถาะ "ไม่ควรนำประเทศไปติดกับดักประชา(ภิวัฒน์)นิยม"ศ.ดร.สมภพ มานะรังสรรค์ อธิการบดี สถาบันเทคโนโลยีปัญญาภิวัฒน์ หรือ PIT วิเคราะห์ความเสี่ยงทางเศรษฐกิจในปี 2554 ทั้งปัจจัยภายนอกและปัจจัยภายในประเทศ อย่างรอบด้าน อยากรู้ว่า ปัจจัยเสี่ยง มีอะไรบ้าง ต้องอ่านบทสัมภาษณ์ต่อไปนี้ ปัจจัยเสี่ยงจากภายนอก มีเรื่องใดต้องระวังเป็นพิเศษ
ในปี พ.ศ.2553 นั้น เศรษฐกิจโตขึ้นมาจากฐานที่ต่ำมากกว่าปีพ.ศ.2552 ซึ่งปีพ.ศ.2552 ลดลง 2 % กว่า เพราะฉะนั้นปีพ.ศ.2553 โตขึ้นมา 7 %กว่า เลขสุทธิที่ได้มาทั้งหมดก็ 5 % ซึ่งเป็นอัตราปกติที่ไทยต้องโตขึ้นมา แต่พอมาถึงปีพงศ.2554 เลขอัตรามันก็จะโตขึ้นมาอีก สุทธิ 5 % แล้วก็จะโตต่อไป มันก็จะยากลำบากขึ้นคือต้องอาศัยฝีมือไม่ใช่อาศัยการปรับฐานทางเศรษฐกิจ แล้วปีหน้านี้หากเราวิเคราะห์กันไปอีกคงต้องแยกแยะเป็น 2 ระดับคือ เศรษฐกิจภายนอกประเทศกับเศรษฐกิจภายในประเทศถึงจะเห็นภาพชัดขึ้น ผลกระทบที่เป็นรูปธรรมกับเศรษฐกิจไทยคืออะไร
เงินบาทมีการแข็งค่ามาก เมื่อแข็งค่ามากมันก็จะมีทีท่าของการเกิดกรณีฟองสบู่มากขึ้น หุ้นจะขึ้น ราคาสินทรัพย์ประกันเงินก็จะขยายตัวจะเพิ่มขึ้น เงินเฟ้อขยายตัว ฉะนั้นแบงค์ชาติก็อาจจะเพิ่มดอกเบี้ยขึ้น อย่างน้อย 3 - 4 ครั้งในปีหน้า แต่ดอกเบี้ยนโยบาย 2 % RP 2 % ในขณะนี้ก็อาจจะขึ้นไปเป็นอย่างน้อย 3 % ซึ่งก็หมายถึงดอกเบี้ยทั้งเงินกู้และเงินฝากก็จะถูกปรับขึ้น ซึ่งพอมันปรับเพิ่มขึ้นราคาค่าแรงก็จะถูกปรับขึ้น มีแต่ราคาน้ำมันถึงแม้มันจะไม่เพิ่มมากมายแต่ก็คงอุดไม่อยู่ถ้ามันขึ้นจริง ๆ เพราะผมเชื่อว่าในปีหน้าเงินที่มันลดลงและจะเข้าไปในสินค้าจำพวกพื้นฐาน เช่น น้ำมัน ถ้ามันดันราคาน้ำมันขึ้นไปเกิน 100 เหรียญ อุดอย่างไรก็คงไม่อยู่ เพราะว่าตอนนี้ก็ตั้งเป้าเอาไว้อุด 3 เดือน ถ้ามันเกิน 100 เหรียญมันจะกลายเป็นด้านลบจะตามมาทันที ซึ่งจะทำให้เห็นว่าเงินเฟ้อขยายตัวค่อนข้างมาก ฟองสบู่อสังหาริมทรัพย์ จะแตกไหมฟองสบู่ยังคงไม่น่าจะแตกง่าย ๆ ประการแรก ฟองสบู่ในไทยยังไม่ได้ขึ้นมา แล้วประการที่สองก็คือว่า สถานะของแบงค์ชาติและพวกที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการพัฒนายังไม่มีปัญหามาก ขณะที่ราคาบ้านในไทยเมื่อเทียบกับในจีน เกาหลี สิงค์โปร์ ฮ่องกง ของเรายังขึ้นน้อยกว่าหลายเท่า แนวโน้มปี 54 การบริหารคงไม่ง่ายนัก น่าจะมีความเสี่ยงไม่ใช่น้อย
ในปีพ.ศ.2554 มีปัจจัยที่เสี่ยงและไม่เสี่ยงเพิ่มขึ้น มีปัจจัยในด้านดีคือเงินที่อัดออกมาจากที่ประชาภิวัฒน์ ทำให้อำนาจซื้อเพิ่มสูงขึ้น เมื่ออำนาจซื้อเพิ่มสูงขึ้นสินค้าทางการเกษตรจะขายดีขึ้น และราคาสินค้าเกษตรปีหน้าจะดีมาก สภาพพอากาศแปรปรวน ต่างประเทศมีหิมะตก ซึ่งตกหนักในเดือนพฤศจิกายน ทำให้การเกษตรเสียหายมาก ในจีนก็เหมือนกัน ตอนนี้ที่หางโจวหิมะเป็นฟุตๆ ซึ่งปกติมันไม่เคยตกแบบนั้น สิ่งเลวร้ายที่สุด คืออะไรถ้าเกิดว่าปัจจัยภายนอกมันเลวร้ายและรุนแรงมาก อาจจะเกิดวิกฤตที่ใดที่หนึ่งของโลกแล้วก็จะลากไปทั้งหมด ประเทศไหนก็ตามที่มีภูมิคุ้มกันในประเทศต่ำ ก็จะโดดลงมาเป็นพิเศษ ตรงนี้จะเป็นตัวที่แสดงให้เห็นหากคุณมองโลกในแง่ดีอย่างเดียว เช่น เราเก็บภาษีได้เกินเป้าในช่วงสั้นแล้วก็มองโลกในแง่ดีว่าอีก 5 ปี เราต้องสมดุลงบประมาณหรือเกินดุลงบประมาณเรามองอย่างนั้นไม่ได้ อาจารย์เตือนว่า อย่าประมาทในปีหน้า เพราะมีปัจจัยเสี่ยงที่เราคาดไม่ถึงในปีหน้าประเทศไทยจะมีปัจจัยเสี่ยงสูงมากและไม่ควรนำประเทศไปสู่การติดกับประชานิยม เพราะยิ่งไปติดกับประชานิยมมากเท่าไหร่ ประชานิยมนโยบายบางเรื่องดูว่าเป็นเรื่องทางเศรษฐกิจ แต่โดยแท้จริงแล้วไม่ใช่ มันเป็นตัวแปรทางการเมือง ทำประชานิยมเมื่อไหร่ ไม่มีทางเลิกได้ทุกเรื่อง มีแต่จะขยายมากขึ้น หากปรับตัวเข้าสู่นโยบายนี้มากขึ้น ก็หมายถึงคุณจะต้องมีภาระทำในนโยบายนี้ รัฐบาลชุดไหนที่ต้องการประชานิยมก็จะกลายเป็นตัวแปรตามไม่ใช่ตัวแปรอิสระ ก็คือตกกะไดพลอยโจนด้านนโยบายประชาภิวัฒน์ ฉะนั้นเมื่อมีอย่างนี้เกิดขึ้นระยะยาวก็น่าเป็นห่วง ประชาชนจะเสพติดประชานิยม ประชานิยมนำไปสู่การบิดเบือนที่ทำให้ขีดความสามารถต่างๆ ในประเทศลดลง ใคร ๆ ก็ชอบรับกันแจกรับกันแถม อย่าลืมของที่แจกแถมมันมีที่มา มีต้นทุน มีผู้แบกรับภาระ คุณกรณ์และคุณอภิสิทธิ์ยืนยันว่ามีความสามารถในการที่จะหาเงินมาสนับสนุนประชาภิวัฒน์ใครจะประกันได้หากเหตุการณ์เกิดขึ้นปีต่อปี เพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นวิกฤตการณ์ที่เกิดมาจากนอกประเทศเข้ามาหนักๆ เราต้องใช้เงินจำนวนมาก ทุนจากต่างประเทศหดลงอย่างรวดเร็ว ฝรั่งเอาเงินมาลงทุน มาซื้อหุ้นในเมืองไทย เอาดอลล่าร์มาไล่ซื้อเงินบาท ส่วนหนึ่งที่ต้องใช้ประชาภิวัฒน์คือส่วนหนึ่งเกี่ยวกับการเลือกตั้งหรือเปล่า คนคิดว่านโยบายเกิดการรับใช้เป้าหมายทางการเมือง อย่างไรก็ตามประชาภิวัฒน์คงต้องดูอย่างเลือกสรร บางเรื่องก็ควรเลือกที่มีประโยชน์ต่อคนด้อยโอกาส เราคงต้องดูเป็นเรื่อง ๆ ไป อย่างเช่น เรื่องของราคาน้ำมันจะไม่เอามาพูดในช่วงนี้ หลายๆ เรื่องเราไม่จำเป็น ไปปูพรมมากขนาดนั้น หรืออย่างเช่น การเอาเงินมาขึ้นเงินเดือนหลายภาคส่วน ซึ่งเป้าหมายจริง ๆ แล้วคือ เขาจำเป็นไหมที่จะต้องมีการปกครองที่ผ่านการเลือกตั้ง ต้องต่อสู้ขนาดไหน ลงทุนขนาดไหนให้ตนเองชนะการเลือกตั้ง ฉะนั้นแล้วตนคิดว่าการถลำตัวเข้าสู่ประชาภิวัฒน์สร้างขึ้นมาก็ก่อให้เกิดปัญหาแน่นอน ที่มา http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1292985268&grpid=05&catid=04
|