Web Design by Softbiz+
|
เว็บนี้ สร้างด้วย Joomla! 1.5 โดย ทีมงานซอฟท์บิส+ update11.11.2014 |
การเปรียบเทียบ ข้อดีข้อเสียของการซื้อบ้านกับเช่าบ้าน |
ในแง่ของการวางแผนทางการเงินแล้ว การซื้อบ้านถือเป็นการลงทุนอย่างหนึ่ง เพราะสามารถให้เช่าหรืออาจขายต่อในอนาคตได้ แถมราคาของที่อยู่อาศัยยังเพิ่มขึ้นตลอดเวลาและมากกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝากในธนาคารด้วยซ้ำ สามารถซื้อไว้เก็งกำไรได้ ผิดจากสินทรัพย์อื่นๆ อย่างรถหรือเครื่องจักร ที่ยิ่งกว่าราคายิ่งตก ส่วนใครจะเหมาะกับอยู่อาศัยแบบใดนั้น จำเป็นต้องถามตัวเองให้ดีๆ และศึกษาเปรียบเทียบข้อดีข้อเสียให้ถ่องแท้ก่อนตัดสินใจ ข้อดีของการซื้อบ้าน คือ มีต้นทุนในการอยู่อาศัยคงที่ ในขณะที่การเช่าบ้านต้องจ่ายค่าเช่าเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ นอกจากนั้นผู้ที่กู้เงินเพื่อซื้อบ้านยังได้รับการลดหย่อนภาษีดอกเบี้ยจ่ายค่าผ่อนบ้านอีกด้วย ในขณะที่คนเช่าบ้านจะไม่ได้รับสิทธิประโยชน์ในส่วนนี้ แต่เหรียญย่อมมีสองด้านเสมอ ข้อเสียของการซื้อบ้าน คือ มีค่าใช้จ่ายเพิ่มสูงขึ้น เริ่มตั้งแต่เงินดาวน์ก้อนใหญ่และภาระผ่อนชำระบวกดอกเบี้ยที่อาจจะกินเวลา 20-30 ปีขึ้นไป ภาระในการดูแลค่าใช้จ่ายต่างๆ ภายในบ้านอีกจิปาถะ หากบริหารเงินไม่ดี ขาดส่งธนาคารนานๆ อาจถูกยึดบ้านเพื่อบังคับจำนองได้ ซึ่งถ้าค้างชำระจำนวนหลายงวดติดต่อกัน ดอกเบี้ยบวกเงินต้นก็อาจจะสูงกว่ามูลค่าตลาดของบ้านหลังนั้นได้ ซึ่งพอถึงตอนนั้นผู้กู้อาจจะถูกไล่เบี้ยในทรัพย์สินอื่นๆ เพื่อมาขายทอดตลาดชำระหนี้เพิ่มเติมอีกก็ได้ เมื่อเปรียบเทียบข้อดีข้อเสีย ระหว่างการซื้อกับการเช่าดูแล้ว คงต้องตัดสินใจแล้วว่า จะเลือกแบบใดดี โดยปัจจัยที่ควรนำมาประกอบการพิจารณาคือ เรื่องของราคาบ้านและอัตราดอกเบี้ยในการกู้เงิน สิทธิประโยชน์ทางภาษีของการซื้อบ้าน ระยะเวลาที่คาดว่าจะอาศัยในบ้านหลังนั้น รวมถึงความเป็นไปได้ของการเปลี่ยนแปลงราคาบ้านในช่วงเวลานั้นว่าจะเพิ่มขึ้นหรือต่ำลง เช่น ถ้าคาดว่าบ้านจะราคาต่ำลงในอนาคต คุณอาจจะเลื่อนการตัดสินใจซื้อบ้านออกไปจนถึงเวลาที่ได้ผลประโยชน์คุ้มค่า ปัจจัยอื่นๆ ยังมีเรื่องของการเปรียบเทียบค่าใช้จ่ายของการเช่าบ้านหรือซื้อบ้าน โดยค่าใช้จ่ายจากการเช่าบ้านจะได้แก่ ค่าเช่าในแต่ละเดือน ค่าเบี้ยประกันภัยในแต่ละเดือนที่ผู้เช่าจะต้องจ่ายให้กับผู้ให้เช่า ส่วนค่าใช้จ่ายจากการซื้อบ้านจะประกอบไปด้วย ค่างวดผ่อนส่งในแต่ละเดือน ค่าเบี้ยประกันภัยที่ต้องจ่ายตามสัญญาเงินกู้กับผู้ให้กู้ ค่าดูแลรักษาทรัพย์สินต่างๆ และควรจะต้องรวมถึงค่าเสียโอกาสในการหาผลประโยชน์ของเงินที่ต้องใช้เป็นค่าใช้จ่ายต่างๆ เกี่ยวกับการซื้อบ้าน เช่น เงินดาวน์ ค่าธรรมเนียมสินเชื่อต่างๆ ค่าประเมินราคาทรัพย์สิน ภาษี ค่าใช้จ่ายเหล่านี้ควรถูกหักออกด้วย เมื่อคิดส่วนหักลบแล้ว ต้องคิดในส่วนเพิ่มด้วย นั่นคือส่วนเพิ่มของราคาประเมินบ้านหลังนั้นที่จะเพิ่มในแต่ละปี (ทำโดยเปรียบเทียบการเพิ่มขึ้นของราคาประเมินของบ้านที่อยู่ในพื้นที่ใกล้เคียงกัน และประเภทเดียวกันในแต่ละปี) หลังจากทำการเปรียบเทียบค่าใช้จ่ายรายปีของทั้งสองทางเลือกแล้วทางเลือกที่มีค่าใช้จ่ายต่ำกว่าก็จะให้ผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจกับ เจ้าของมากกว่า ที่มา : หนังสือรู้รอบด้านแผนการเงิน หน้า 43 ผู้แต่ง ฝ่ายพัฒนาองค์กรและธุรกิจ กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ เปรียบเทียบข้อดีและข้อเสียระหว่างการเช่าบ้านและซื้อบ้านการเช่าบ้าน (Renting)
มี ความเป็นอยู่ที่ค่อนข้างสะดวกสบาย เพราะสถานที่ส่วนใหญ่มักตั้งอยู่ในทำเลกลางเมือง สะดวกต่อการคมนาคม และ complex เช่น สโมสร สระว่ายน้ำ สนามเทนนิส และมีเจ้าหน้าที่ดูแลรักษาความสะอาดให้ มีอิสระที่จะเลือกอยู่อย่างไรก็ได้ ตกแต่งหรือ ดัดแปลง อย่างไรก็ได้ ตามรสนิยมที่เราพอใจ การซื้อบ้าน (Buying)
มีบริเวณกว้างขวางที่จะให้ครอบครัวเด็กเล็กได้วิ่งเล่น การลงทุนซ่อมแซมและบำรุงรักษา (Investment and maintenance)
การโยกย้าย (Mobility)
ความเสี่ยงทางการเงิน (Financial risks)
|