- เป็นโปรแกรมเมอร์ ไม่จำเป็นต้องเรียนคอมพิวเตอร์ (ดูอย่างนาย Bill Gates สิ)

- ไม่ได้เรียนคอม แต่ถ้าใฝ่รู้ ก็เขียนโปรแกรมได้

- ไม่จำเป็นที่โปรแกรมเมอร์จะเขียนได้ภาษาเดียว

- โปรแกรมเมอร์บางคนสามารถแปลง Code จากภาษานึง ไปเป็นอีก ภาษานึงได้

- โปรแกรมเมอร์เก่งๆ ไม่จำเป็นต้องเรียนเก่ง

- การเขียนโปรแกรมที่ทำงานเหมือนกับโปรแกรมอื่นๆที่ไม่เคยเห็น Code เลย ฝรั่งเรียกว่า Reverse Engineering
   ยกตัวอย่างเช่น OpenOffice ที่เขียนให้ทำงานได้เทียบเท่ากับ MS Office แต่มันก็ยังเป็นคนละโปรแกรม
   ดังนั้น ถ้าเห็นโปรแกรมที่ทำงานคล้ายๆกัน อย่าเพิ่งไปตู่ว่าไปลอก Source Code คนอื่นมา มันไม่แน่เสมอไป

- การแกะ Binary Code โปรแกรมที่ตัวเองไม่ได้เขียนเพื่อจุดประสงค์บางอย่าง ฝรั่งเขาเรียกว่า Cracking

- การแก้ไข Source Code ของคนอื่น เพื่อจุดประสงค์ไรก็แล้วแต่ เขาเรียกว่า Mod (Modification) 
  ซึ่งการ Mod  เนี่ย มันมีทั้งผิด และไม่ผิด ขึ้นอยู่กับกรณีและการเอาไปใช้

- โปรแกรมเมอร์มีหลายสาย เหมือนพ่อมดในเกม RPG บางคนเก่งทาง Web Application, บางคนเก่งในการเขียน OS,
   บางคนเก่งในการทำเกม, บางคนเก่งทาง Embeded System, บางคนเก่งหลายๆอย่างก็มี

- โปรแกรมเมอร์ที่เก่ง ไม่จำเป็นต้องใส่แว่นหนา ทำตัวเชยๆ เหมือนภาพลักษณ์ในการ์ตูน 
   เพื่อนผมที่ผมว่า รุ่งเรื่องในอาชีพที่สุดนั้น เป็นหนุ่มหล่อ เล่นกีต้าร์ และเป็น Playboy อิอิ

- โปรแกรมที่เขียนยากที่สุด (ตามความเห็นผม) คือ OS , รองลงมาคือเกม, ที่ง่ายที่สุดคือ Web Application

- เป็นโปรแกรมเมอร์ ก็มีแฟนเป็น Pretty ได้ ไม่ผิดกฏหมาย

- โปรแกรมเมอร์ ไม่จำเป็นต้องเขียนโปรแกรมเป็นอย่างเดียว 
   เขาอาจจะแต่งเพลง เล่นกอล์ฟ ทำแผนธุรกิจ ชกมวยไทยได้ ไม่ผิดกฏหมายเช่นกัน

- เป็นโปรแกรมเมอร์ ก็ลงสมัคร สส. ได้ ไม่ผิดกฏหมายเช่นกัน

- สุดยอดการโปรแกรมมิ่ง คือการ ไม่โปรแกรมมิ่ง (งงไหม) เอาเป็นว่า คนที่เป็นโปรแกรมเมอร์เก่งจริงๆ คือคนที่เลิกเขียนได้แล้ว
   เช่น บิล เกตต์, สองหน่อแห่ง Google  ถ้าโปรแกรมเมอร์คนไหน ยังนั่งเขียนโปรแกรมอยู่แสดงว่ายังอ่อน อิอิ (รวมถึงผมด้วย)

ที่มา  http://www.thaiseoboard.com/index.php?action=printpage;topic=21953.0