น้ำซัดอสังหาฯเปลี่ยนโฉมอนาคตเห็นบ้านแนวราบยกพื้นสูง

หนังสือพิมพ์ ASTVผู้จัดการรายวัน 15 พฤศจิกายน 2554

น้ำท่วมส่งผลตลาดอสังหาฯ เปลี่ยน อนาคตได้เห็นแบบบ้านแนวราบยกพื้นสูงชั้นล่างใช้จอดรถ ตลาดคอนโดฯบ้านในเมือง บ้านตากอากาศรับอานิสงส์คนแห่ซื้อ หวังใช้เป็นที่อพยพหากเกิดพิบัติภัยในอนาคตคอนโดฯ ราคา 1-3 ล้านบาทนิยมมากสุด จับตาลูกค้าทิ้งดาวน์บ้านน้ำท่วมหันซื้อโครงการใหม่ คาดที่ดินทำเลน้ำท่วมราคาตกช่วงสั้น1-2 ปี เหตุเจ้าของหวังขายเร็ว
 
นายปฏิมา จีระแพทย์กรรมการผู้จัดการ บริษัท คอลลิเออร์ส  อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า อุทกภัยใหญ่ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้นอกจากจะสร้างความสูญเสียต่อเศรษฐกิจของประเทศแล้ว ยังส่งผลเสียต่อตลาดที่อยู่อาศัยอย่างมาก โดยเฉพาะตลาด ที่อยู่อาศัยแนวราบ ทำให้ภาพการฟื้นตัวของตลาดแนวราบหยุดชะงักไป อีกทั้งยังทำให้ตลาดที่อยู่อาศัยเปลี่ยนไปกล่าวคือ ตลาดคอนโดมิเนียมในเมืองได้รับอานิสงส์อย่างมาก รวมถึงทาวน์-เฮาส์และบ้านเดี่ยวตามแนวรถไฟฟ้าส่วนต่อขยาย ผู้บริโภค หันมาสนใจซื้อมากยิ่งขึ้น เนื่องจากไม่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมหรือมีผลกระทบน้อย
 
ทั้งนี้ คอนโดมิเนียมที่มีการขยายตัวสูงที่สุดคือกลุ่มราคา 1-3 ล้านบาทในเมือง ซึ่งเป็นกลุ่มที่อยู่อาศัยที่ผู้ซื้อบ้านเดี่ยวในย่านชานเมืองต้องการซื้อไว้เป็นบ้านหลังที่ 2 หรือซื้อเพื่อเป็นสถานที่อพยพเมื่อเกิดเหตุอุทกภัยหรือเหตุฉุกเฉินในพื้นที่อาศัยเดิมนอกจากนี้ คอนโดมิเนียมระดับราคา 3-10 ล้านบาทในเมืองจะเป็นที่ต้องการของกลุ่มผู้ซื้อบ้านเดี่ยวระดับสูงนอกเมืองด้วยเช่นกัน
 
นอกจากนี้ ที่อยู่อาศัยในตลาดต่างจังหวัด เมืองท่องเที่ยวทั้งบ้านเดี่ยวและคอนโดมิเนียมราคา 10 ล้านบาทขึ้นยังได้รับอานิสงส์ตามไปด้วย เพราะนอกจากใช้เป็นบ้านพักตากอากาศแล้วยังใช้อยู่อาศัยเมื่อเกิดพิบัติภัยได้อีกด้วยขณะที่การเตรียมแผนสำรองของบริษัทเอกชนให้สามารถดำเนินงานได้อย่างต่อเนื่องโดยไม่ต้องหยุดกิจการ ด้วยการเตรียมอาคารหรือสำนักงานสำรอง เช่น พื้นที่พาณิชยกรรม การบริหารจัดการระบบขนส่งสินค้า และโกดัง  โรงงานสำรองโรงแรม/เซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ เครือข่ายโรงพยาบาล ยังทำให้ตลาด ดังกล่าวเติบโตอีกด้วย
 
นอกจากนี้ อุทกภัยที่เกิดขึ้นยังส่งผลต่อการออกแบบที่อยู่อาศัยในอนาคตเปลี่ยนไป รวมถึงเทรนด์การออกแบบโครงการจัดสรรทาวน์เฮาส์และบ้านเดี่ยว โดยยกพื้นสูง ใช้ด้านล่างเป็นที่จอดรถ
 
จับตาลูกค้าทิ้งดาวน์บ้านน้ำท่วม
 
นายปฏิมากล่าวต่อว่า ภายหลังน้ำลดจะเกิดการซ่อมแซมครั้งใหญ่ ทั้งที่อยู่อาศัย โรงงาน สถานที่ราชการ ถนน ฯลฯ และมั่นใจว่าประชาชนจะไม่มีการย้ายที่อยู่อาศัยหรือย้ายถิ่นฐานแน่นอน แต่อาจจะส่งผลต่อการตัดสินใจซื้อบ้านนานขึ้นหรือชะลอซื้อ แม้ว่าจะไม่มีปัญหาการย้ายถิ่นฐานเดิม แต่ลูกค้าที่อยู่ระหว่างผ่อนดาวน์ที่อยู่อาศัยในพื้นที่น้ำท่วมบางส่วนทิ้งเงินดาวน์หันไปซื้อบ้านในพื้นที่ที่ไม่มีปัญหาน้ำท่วมแทน
 
ส่วนกรณีราคาที่ดินในพื้นที่ที่ถูกน้ำท่วมขังจะปรับตัวลดลง คาดว่าจะเกิดขึ้นในระยะสั้น คือในช่วง2-3 ปีหลังจากนี้ แต่การลดราคาจะลดลงในบางทำเลเท่านั้น โดยเกิดจากเจ้าของที่ดินต้องการขายที่ดินลดราคาลงเพื่อให้สามารถขายได้เร็วขึ้น อย่างไรก็ตามเมื่อผ่านเวลา 1-2 ปีแล้วราคาที่ดินจะมีการปรับตัวเข้าสู่ทิศทางเดิม
 
"การปรับตัวลดลงของราคาที่ดินในช่วงนี้ ถือว่าเป็นผลดีต่อผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ ทำให้สามารถซื้อที่ดินในต้นทุนที่ต่ำลงและมีโอกาสในการเลือกสรรพื้นที่ในการพัฒนาโครงการเพิ่มมากขึ้น"
 
ส่วนผู้ประกอบการจะมีการชะลอการพัฒนาโครงการใหม่ออกไป โดยเฉพาะโครงการแนวราบ หันไปแก้ปัญหาหรือวางแนวทางการป้องกันปัญหาน้ำท่วมในโครงการเดิม และโครงการใหม่ รวมถึงการเข้าไปช่วยเหลือลูกค้าโครงการของตนเองในการซ่อมแซมที่อยู่อาศัยเพื่อสร้างความเชื่อมั่น และแสดงความรับผิดชอบต่อกลุ่มลูกค้าของตนเอง อีกทั้งยังเป็นการรักษาฐานลูกค้าของตนเองเอาไว้ ในขณะที่การพัฒนาโครงการใหม่จะยิ่งส่งผลเสียต่อผู้ประกอบการมากกว่าต้องแบกภาระต้นทุนการเงิน งบประชาสัมพันธ์และการตลาด ขณะที่การขายหรือรายรับมีน้อยมากไม่คุ้มต่อการลงทุนเพราะเป็นช่วงที่ลูกค้าชะลอการตัดสินใจซื้อ
 
ที่มา: หนังสือพิมพ์ASTVผู้จัดการรายวัน