เป็นความท้าทายครั้งใหญ่สำหรับผู้ประกอบการด้านอสังหาริมทรัพย์ ที่จะต้องพยายามพลิกฟื้นความเชื่อมั่นของ Brand ของตัวเองให้พ้นจากวิกฤตน้ำท่วมที่จะเกาะกินใจผู้บริโภคคนซื้อบ้านไปอีกหลายปี ด้วยความหวาดระแวงว่าจะต้องกลับมาประสบปัญหาเดิมแบบซ้ำซากอีก
หลังจากนี้คือการพลิกฟื้นความเชื่อถือต่อ Brand ของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์อย่างเข้มข้น ของผู้ประกอบการแต่ละรายว่าจะทำอย่างไรให้ได้รับผลกระทบน้อยที่สุด ในภาวะที่ผู้ซื้อขาดความมั่นใจในสถานการณ์ และอาจรวมไปถึงสินค้าที่อยู่อาศัยในตลาดขณะนี้
โครงการที่อยู่อาศัยที่ทำอยู่ในขณะนี้ก็ถึงเวลาที่ต้องปรับแบบ การใช้สอย หรือแม้แต่ต้องคิดเผื่อเรื่องน้ำท่วมมากขึ้น
คอนโดมิเนียมกลางเมือง ตามแนวเส้นทางรถไฟฟ้า ซึ่งขณะนี้ก็ร้อนแรงอยู่ จะกลายเป็นสินค้ายอดนิยมมากขึ้นหลังน้ำลง
จุดเปลี่ยนทั้งในตัวผู้ประกอบการ และรูปแบบโครงการที่อยู่อาศัยในบ้านเรา กำลังจะเริ่มต้นใหม่นับจากเวลานี้เป็นต้นไป
โครงการใหม่ ต้องเปลี่ยนแนวคิด
“ปีหน้า ลูกค้าที่จะซื้อบ้านใหม่ และเดินเข้ามาในสำนักงานขายคงน้อยลง” ประเสริฐ แต่ดุลยสาธิต กรรมการและรองกรรมการผู้จัดการ บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด บอกถึงภาวะที่จะเกิดขึ้นกับธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์หลังจากนี้แรงกดดันนี้มาจากความหวาดหวั่นจากวิกฤตน้ำท่วมครั้งใหญ่ ซึ่งการรับมือของพฤกษาก็คือการปรับเปลี่ยนการออกแบบโครงการใหม่ ทั้งในส่วนของโครงการและตัวบ้าน
การออกแบบบ้าน โดยเฉพาะระบบสาธารณูปโภคเช่นน้ำ ไฟ เครื่องปรับอากาศ จะต้องสามารถรับมือและอยู่ได้ในสถานการณ์น้ำท่วมได้ ความหมายก็คือ การออกแบบบ้าน และอาคารชุด ที่เคยวางระบบไฟฟ้า น้ำประปา และอุปกรณ์อำนวยความสะดวกต่างๆ ไว้บนพื้นดิน หรือใต้ดิน จะต้องปรับแนวทางการออกแบบใหม่ ให้วางอยู่บนที่สูง บริเวณที่เป็นรั้วก็ต้องทำหน้าที่เป็นผนังกั้นน้ำได้ มีความแข็งแรง
และนี่จะเป็นจุดขายใหม่ของโครงการที่อยู่อาศัยในช่วงต่อไป จนกว่าภาพของน้ำท่วมจะเลือนหายไปจากใจของผู้ซื้อบ้าน ซึ่งทั้งหมดคือการเรียกความมั่นใจ และเชื่อมั่นของผู้บริโภคให้กลับมาอีกครั้ง
ในส่วนของลูกค้าใหม่ ในโครงการที่อยู่ระหว่างการขาย มีลูกค้าจอง ผ่อนดาวน์แล้ว และรอการโอน ประเสริฐบอกว่า ได้จัดตั้งหน่วยงานพิเศษขึ้นมาอย่างเร่งด่วน คือ Non Performing Account เพื่อเข้าไปดูแลลูกค้ากลุ่มนี้โดยเฉพาะ
“ต้องเข้าไปดูว่าลูกค้าเป็นอย่างไร ได้รับผลกระทบมากน้อยเพียงใด และบริษัทจะให้ความช่วยเหลืออย่างไรได้บ้าง”
ความช่วยเหลือที่ประเสริฐหมายถึงก็คือ การให้เงื่อนไขในการเปลี่ยน หรือย้ายทำเลใหม่ในโครงการพฤกษาด้วยกันเอง หรือเปลี่ยนโครงการจากแนวราบมาเป็นแนวสูง
โดยบริษัทจะพยายามรักษาลูกค้ากลุ่มที่อยู่ระหว่างการรอโอนกรรมสิทธิ์นี้อย่างเข้มข้น เพราะถือว่าเป็นลูกค้าที่ตัดสินใจซื้อแล้ว เงื่อนไขต่างๆ หลังจากนี้ หากบริษัทสามารถจัดการ หรือเปลี่ยนแปลงให้ได้ ก็จะพยายามทำอย่างเต็มที่
การหาลูกค้าใหม่หลังจากนี้ เป็นเรื่องที่ยากกว่าการเจรจา และทำความเข้าใจกับลูกค้าเก่า
หน่วยงานใหม่นี้เขาบอกว่าได้เริ่มแล้ว และจะทำงานต่อเนื่องไปอย่างน้อย 6 เดือน เพื่อรักษาลูกค้ากลุ่มนี้ให้อยู่กับบริษัทต่อไป
แสนสิริ บ้านหลังที่สองจะมาแรง
อุทัย อุทัยแสนสุข รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส สายงานพัฒนาธุรกิจและพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียม บริษัทแสนสิริ จำกัด (มหาชน) มองการเปลี่ยนแปลงของโครงการที่อยู่อาศัยยุคหลังน้ำลดว่า ผู้ประกอบการต้องมีการปรับตัวอย่างมาก
ในส่วนของแสนสิริเอง มีการปรับตัว คือทุกโครงการต้องมีการตรวจแนวระดับความสูงของที่ดินด้วยการเทียบกับเหตุการณ์น้ำท่วมปี 2538 และปี 2554 เป็นเกณฑ์ในการปรับระดับความสูงของที่ดินที่โครงการตั้งอยู่ เพื่อให้มีความสูงกว่าระดับน้ำท่วมใหญ่
“การออกแบบโครงการ จะมีการปรับรูปแบบรั้วโครงการที่เป็นแบบโปร่ง มาเป็นแนวทึบ เพื่อทำเป็นแนวป้องกันน้ำท่วม มีการเพิ่มประตูเปิด-ปิดระบายน้ำของโครงการ เพื่อให้ระบายน้ำได้รวดเร็ว”
เขาบอกด้วยว่า ในส่วนของการออกแบบสาธารณูปโภคของโครงการ เช่นพื้นที่ล็อบบี้ ระบบไฟฟ้ารวมของโครงการ จะถูกปรับให้มาอยู่ในพื้นที่ที่สูงขึ้น เพื่อให้สามารถทำงานได้ในภาวะน้ำท่วม
การปรับรูปแบบของโครงการนี้อุทัยบอกว่า ไม่ได้ทำกับทุกโครงการ เพราะว่าทำเลของแต่ละโครงการมีความสูงต่ำไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับว่าโครงการนั้นอยู่ในพื้นที่ต่ำ หรือสูง หากเป็นโครงการที่ในพื้นที่สูงอยู่แล้ว ก็อาจไม่ต้องปรับ หรือทำเพียงบางส่วน แต่หากว่าอยู่ในที่ต่ำก็ต้องปรับตามแนวทางนี้
“สิ่งที่จะเกิดขึ้นหลังจากนี้คือ ความตื่นตัวในการหาซื้อบ้านหลังที่สองของผู้บริโภคจะเกิดขึ้น โดยเฉพาะโครงการคอนโดมิเนียมในเมือง ตามแนวเส้นทางรถไฟฟ้า ที่ไม่ได้ถูกน้ำท่วม จะได้รับความสนใจมากขึ้นกว่าเดิม ขนาดพื้นที่ของคอนโดมิเนียมจะเริ่มมองหาประเภท 2 ห้องนอน เพราะจะอยู่กันเป็นครอบครัว”
อุทัยเพิ่มเติมด้วยว่า การซื้อบ้านหลังที่สองในต่างจังหวัดก็จะเริ่มมีมากขึ้นในพื้นที่เมืองท่องเที่ยวใหญ่ๆ ซึ่งพื้นที่หัวหิน เขาใหญ่ พัทยา จะกลายเป็นทำเลที่ผู้บริโภคต้องการมากที่สุด เนื่องจากมีสิ่งอำนวยความสะดวก และเป็นแหล่งท่องเที่ยวอยู่แล้ว
สำหรับกรุงเทพฯ พื้นที่ที่น้ำไม่ท่วมจะเป็นทำเลที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างสูง เพราะน้ำท่วมที่ผ่านมากรุงเทพฯ ถูกน้ำท่วมไปประมาณ 30% ที่เหลืออีก 70% น้ำไม่ท่วม
ประเภทของที่อยู่อาศัยที่จะได้รับความสนใจมากขึ้นก็คือคอนโดมิเนียม ทาวน์เฮาส์ และบ้านเดี่ยว ส่วนพื้นที่ที่น้ำท่วมก็จะได้รับความนิยมลดน้อยลง แต่เขาก็เชื่อว่าโครงการที่อยู่ในพื้นที่น้ำท่วมแต่มีโครงการรถไฟฟ้าผ่าน หรือเป็นเส้นทงของรถไฟฟ้าจะยังได้รับความสนใจจากผู้ซื้ออยู่เช่นเดิม
พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค ต้องยกบ้านสูงหนีน้ำ
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทพร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค จำกัด (มหาชน) ชายนิด โง้วศิริมณี บอกว่า ในปี 2555 พฤติกรรมของคนซื้อบ้านจะเปลี่ยนไปซื้อคอนโดมิเนียมในแนวรถไฟฟ้า ซึ่งส่วนมากเป็นโครงการพร้อมอยู่ ในพื้นที่ที่น้ำไม่ท่วม หรือมีน้ำท่วมบ้างเพียงเล็กน้อย
ในส่วนของพร็อเพอร์ตี้ เพอร์เฟคเอง ชายนิดบอกว่า ได้ปรับเปลี่ยนระบบป้องกันน้ำท่วมครั้งใหญ่ เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้า โดยโครงการที่มีอยู่จะมีการปรับระดับโครงการให้สูงขึ้นจากเดิม โดยมีเกณฑ์ของระดับน้ำท่วมใหญ่ปี 2554 และระดับน้ำ ทะเลเป็นหลัก
ระบบป้องกันน้ำท่วมของโครงการแบ่งเป็น 3 ระดับคือ ระบบป้องกันน้ำท่วมระดับโครงการ ระบบป้องกันน้ำท่วมระดับรั้วบ้าน และระบบป้องกันน้ำท่วมระดับตัวบ้าน
“ตัวบ้านจะออกแบบให้สูงกว่าระดับถนนในโครงการ 1.10 เมตร ระดับสวิตช์และปลั๊กไฟสูงระดับ 1.20 เมตรจากพื้นห้อง และตู้ไฟต่างๆ จะถูกย้ายมาไว้ที่ชานพักบันได”
การถมที่ดินเพิ่ม และยกตัวบ้านสูงระดับนี้ ต้นทุนที่เพิ่มขึ้นอยู่ที่ประมาณไร่ละ 100,000 บาท
ระบบป้องกันน้ำท่วมของตัวบ้านได้เลียนแบบระบบป้องกันน้ำท่วมของรถไฟฟ้าใต้ดินโดยออกแบบให้มีช่องสำหรับเสียบแผ่นคอนกรีตปิดหน้าประตูบ้าน ช่องปิดท่อระบบายน้ำในตัวบ้าน รวมถึงการต่อท่อสำหหรับการใช้ห้องน้ำในภาวะน้ำท่วมด้วย
“ระบบป้องกันน้ำท่วมของผู้ประกอบการคาดว่าจะทำให้ต้นทุนเพิ่มขึ้น 5%-10% ส่งผลให้ราคาขายบ้านเพิ่มขึ้น 2%-3% แต่ผู้ประกอบการคงไม่ปรับราคาขึ้นในช่วงนี้ ต้องแบกรับภาระต้นทุนที่เพิ่มขึ้นไว้เอง” เขาให้ความเห็นเพิ่ม
AREA คอนโดมิเนียมสุดร้อน
โสภณ พรโชคชัย ประธานกรรมการบริหาร บริษัทเอเยนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส จำกัด บอกว่า พฤติกรรมของผู้บริโภค จะเลือกซื้อคอนโดมิเนียมกลางเมืองตามแนวรถไฟฟ้า
เหตุผลที่ผู้บริโภคพลิกกลับมาซื้อคอนโดมิเนียมกลางเมืองมากขึ้น น่าจะมาจากเรื่องของจิตใจมากกว่า เพราะเห็นน้ำท่วมแล้วไม่ต้องการให้เกิดขึ้นอีก ช่วงหลังน้ำลดใหม่ๆ ก็คงคิดหาที่อยู่ใหม่ แต่เมื่อน้ำลงแล้วความตื่นตระหนกค่อยๆ ลดระดับลง การตื่นตัวเพื่อหาซื้อคอนโดมิเนียมกลางเมืองก็จะลดน้อยลง เพราะเป็นภาวะที่เกิดขึ้นเพียงชั่วคราว
“จากการคาดการณ์ประเมินว่า คอนโดมิเนียมกลางเมืองจะเข้าสู่ภาวะล้นตลาดในปี 2566 ซึ่งคาดว่าจะมีคอนโดมิเนียมออกมาสู่ตลาดประมาณ 330,000 ยูนิต ซึ่งใกล้เคียงกับปี 2540 และจะล้นตลาดในปี 2556 แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์น้ำท่วมทำให้ภาวะนี้ลดถอยลงไป เพราะกำลังซื้อของผู้บริโภคหายไป การขายโครงการก็ช้าลง แต่โอกาสในการเกิดก็ยังมีความเป็นไปได้ภายใน 2-3 ปีข้างหน้า”
ส่วนการปรับตัวของผู้ประกอบการที่อาจจะต้องปรับแบบบ้าน หรือระบบป้องกันน้ำท่วมนั้น เขาเห็นว่า ผู้ประกอบการบางส่วนอาจต้องลงทุนเพิ่มขึ้นในเรื่องการปรับบ้านให้รับมือกับน้ำท่วมได้ ก็จะทำให้เกิดปัญหาเรื่องต้นทุนการก่อสร้างที่เพิ่มขึ้นบ้างแต่คงไม่มากนัก แต่ก็เป็นสิ่งที่ผู้ประกอบการต้องทำ ซึ่งจะเห็นในรูแบบของการวางระบบป้องกันน้ำท่วมที่ดีขึ้น
“การปรับแบบบ้านใหม่ ก็เกิดขึ้น แต่จะไม่มีการเปลี่ยนแบบไปชนิดที่พิสดาร หรือยกจนสูงมากเกินไป ทำเท่าที่จำเป็น”
โสภณเสนอให้ภาครัฐแก้ปัญหาโครงการที่อยู่อาศัยที่ถูกน้ำท่วมด้วยการสร้างสาธารณูปโภคขนาดใหญ่เช่นทางด่วน หรือรถไฟฟ้าเข้าไปในพื้นที่เพื่อเชื่อมต่อกับพื้นที่อื่นๆ เพื่อเป็นการรักษาระดับราคาของที่อยู่อาศัย ที่ดินในย่านนั้น เพราะว่าโครงการเหล่านี้จะทำให้ราคาบ้านไม่ขยับลงมากนัก
จุดเปลี่ยนที่อยู่อาศัยในปี 2555 | |
1. ทำเล | - อยู่ในพื้นที่น้ำไม่ท่วม หรือท่วมเพียงเล็กน้อย |
- อยู่ในแนวรถไฟฟ้าทุกสายทาง ทางด่วนทุกประเภท | |
- ซื้อที่อยู่อาศัยในต่างจังหวัดเช่นพัทยา เขาใหญ่ หัวหิน | |
2. ประเภทที่อยู่อาศัย | - คอนโดมิเนียมกลางเมืองขนาด 2 ห้องนอน ราคา 1-5 ล้านบาท |
- ทาวน์เฮาส์ บ้านเดี่ยว ที่ปรับแบบยกบนสูงเพื่อป้องกันน้ำท่วม ราคา 2-6 ล้านบาท | |
3.การป้องกันน้ำท่วม | - มีระบบป้องกันน้ำท่วมที่แข็งแรง และน่าเชื่อถือ |
- ทุกโครงการต้องสามารถอยู่อาศัยได้ แม้จะมีน้ำท่วมสูง | |
- ย้ายระบบสาธารณูปโภคส่วนกลางไว้ในที่สูง | |
- ย้ายสาธารณูปโภคของต่ละบ้านให้พ้นน้ำเช่น แอร์ ปลั๊กไฟ | |
- มีเครื่องสูบน้ำทั้งระบบใช้ไฟฟ้า และน้ำมัน ประจำโครงการ | |
4.คุณสมบัติผู้ประกอบการ | - มีผลงานในการช่วยเหลือลูกบ้านโครงการเก่าและใหม่ที่น้ำท่วมในช่วงวิกฤต |
- มีหน่วยงานกลางเพื่อรับเรื่องราวร้องเรียน และแสดงความคิดเห็นของลูกบ้าน |
จำนวนโครงการที่ถูกน้ำท่วมของแต่ละบริษัท | ||
บริษัท | จำนวนโครงการรวม | โครงการที่ถูกน้ำท่วม |
พฤกษา | 141 | 100 |
พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค | 27 | 9 |
แสนสิริ | ไม่มีโครงการที่ถูกน้ำท่วม |
บริษัท | วิธีการ | ระยะเวลา |
พฤกษา |
1.ตั้งทีมงามช่วย ด้านการเงินลูกค้าไม่ให้ทิ้งเงินดาวน์หรือเลิกผ่อน | 6 เดือน |
2.ปรับแบบบ้านสาธารณูปโภคในโครงการให้รับมือน้ำท่วม | ใช้ในช่วงนี้จนกว่าจะเปลี่ยนแปลง | |
3.ช่วยเหลือลูกบ้านในโครงการที่ถูกน้ำท่วม เช่นการซ่อมบ้าน วัสดุ ให้คำปรึกษา | จนแล้วเสร็จ | |
แสนสิริ |
1.ปรับแบบบ้านเพื่อรับมือน้ำท่วม ย้ายระบบสาธารณูปโภค ไว้ในที่สูง | โครงการที่ดำเนินการอยู่และโครงการใหม่ |
2.ปรับถมที่ดินที่ตั้งโครงการให้สูงกว่าเดิม | ||
3.ปรับเป็นรั้วทึบเพื่อป้องกันน้ำ | ||
พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค |
1.ปรับโครงการให้สูงขึ้น | โครงการใหม่ |
2.ยกตัวบ้านสูงจากพื้น 1.10 เมตร | ||
3.รั้วและประตูปรับเป็นผนังกั้นน้ำ | ||
4.จัดระบบสูบน้ำในโครงการใหม่ | ||
5.ย้ายระบบไฟ และสาธารณูปโภคไว้บนที่สูง |
ที่อยู่อาศัยที่ได้รับผลกระทบน้ำท่วมปี 2554 | |
ประเภท | จำนวน (ยูนิต) |
บ้านเดี่ยว ทาวน์เฮาส์ | 461,664 |
ห้องชุด | 88,224 |
ตลาดรวม | 1,000,000 |
ที่มา : AREA |
ซื้อบ้านเดี่ยว 3 ล้านบาทมีต้นทุนอะไรบ้าง | |
ประเภท | มูลค่า (บาท) |
ค่าตัวอาคาร | 1,000,000 |
โครงสร้าง | 350,000 |
สถาปัตยกรรม | 500,000 |
งานระบบ | 150,000 |
ที่มา : AREA |