วิเคราะห์แนวโน้มเทรนด์อสังหาฯปี 2557 |
จับตาเทรนด์ฮิตอสังหาฯปี 2014 คาดการเมือง-เศรษฐกิจ กดดันพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยน
ความเปลี่ยนแปลงของสิ่งแวดล้อมรอบตัวส่งผลต่อพฤติกรรมของคนเราโดยไม่รู้ตัว เนื่องด้วยสถานการณ์ และบรรยากาศที่พาไป ทำให้เราต้องปรับตัวเพื่อรับความเปลี่ยนแปลง ซึ่งสำหรับตลาดอสังหาริมทรัพย์แล้ว ความเปลี่ยนแปลงต่างๆที่กระหน่ำถาโถมเข้ามาทำให้ผู้ประกอบการต้องปรับเปลี่ยนรูปแบบการพัฒนาโครงการเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปตามยุคสมัยด้วย
จากผลกระทบทั้งจากปัญหาการเมือง ปัญหาต้นทุนราคา และวิกฤตทางด้านแรงงาน ทำให้ผู้ประกอบการหันมาใช้กลยุทธ์ทางการตลาดและการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายให้ตรงกลุ่มมากขึ้น เพื่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์ต่อสินค้าโครงการและปิดการขายได้สำเร็จสมบูรณ์ ซึ่งในปี 2557 นี้ นักวิเคราะห์มองว่า ผู้ประกอบการอาจจะต้องเพิ่มการทำแผนการตลาดเพื่อรองรับปัจจัยลบที่อาจจะรุนแรงมากกว่าปีที่แล้ว โดยปัจจัยที่มีผลกระทบโดยตรงต่อตลาดอสังหาฯ มี 5 ประการ ดังต่อไปนี้
อ่านต่อที่ thaicontractor.com
- สินเชื่อ-สถาบันการเงิน จะเป็นตัวชี้วัดผลประกอบการของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เนื่องจากในปีที่ผ่านมา สถาบันการเงินการเข้มงวดในการปล่อยกู้และอนุมัติสินเชื่อสำหรับผู้ซื้อบ้านมากขึ้น เพื่อป้องกันปัญหาวิกฤตในตลาดอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งในปีนี้ แม้ว่าดอกเบี้ยเงินกู้จะปรับลดลงเล็กน้อย หากนักวิเคราะห์มองว่า โอกาสที่สถาบันการเงินจะปล่อยกู้และอนุมัติสินเชื่อให้ลูกค้านั้นยังคงเข้มงวดมากอยู่ดี เนื่องจากสภาวะเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศยังไม่กระเตื้องขึ้นเท่าที่ควร รวมไปถึงความกังวลต่อหนี้เสียและหนี้สินภาคครัวเรือนที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น ทำให้ในปี 2557 นี้ ตลาดซื้อขายอสังหาริมทรัพย์จะลดความร้อนแรงลงไปโดยปริยาย
- เมืองรองจะเข้ามามีบทบาทสำคัญในตลาดอสังหาริมทรัพย์มากขึ้น จากปัญหาการเมืองที่ยืดเยื้อในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ทำให้การขยายโครงการไปยังต่างจังหวัดมีแบบแผนและมุ่งทำตลาดอย่างจริงจังมากขึ้น ซึ่งส่วนหนึ่งแม้ว่าจะเป็นผลจากปัญหาความไม่สงบทางการเมือง แต่อีกเหตุผลหนึ่งที่สำคัญก็คือ การเปิดเสรีประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนหรือ AEC ในปี 2558 ทำให้ผู้ประกอบการไม่รอช้าในการปักหมุดจังหวัดที่สำคัญทางเศรษฐกิจของแต่ละภูมิภาคทั่วประเทศ โดยเฉพาะในเมืองท่องเที่ยวสำคัญ และจังหวัดในพื้นที่เชื่อมต่อกับประเทศเพื่อนบ้าน
- ผู้ประกอบการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ เพิ่มกลยุทธ์ในการพัฒนาโครงการที่เอื้อต่อการซื้อเพื่อลงทุนมากขึ้น โดยในปัจจุบันหลายบริษัท ได้มีการเพิ่มบริการหลังการขาย ที่เป็นไปในรูปแบบของการให้คำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุนและให้คำปรึกษาเกี่ยวกับเทคนิคการปล่อยเช่ารวมไปถึงการรีเซลล์ในตลาดซื้อขายฯ ซึ่งการเปลี่ยนแปลงในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในครั้งนี้ อาจจะเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ ที่ทำให้ตลาดอสังหาฯไม่ใช่เพียงแต่การขายสินค้าระหว่างผู้ประกอบการและผู้บริโภคเท่านั้น แต่จะเป็นการเพิ่มตลาดที่ผู้ประกอบการจะสามารถติดต่อกับผู้บริโภคที่ต้องการจะเปลี่ยนที่อยู่อาศัยของตัวเองให้กลายเป็นสินค้าเพื่อการลงทุนในตลาดอสังหาฯได้อย่างครบวงจร แบบวันสต๊อปเซอร์วิส ที่มีทั้งการสร้างโครงการ การขาย และการดูแลโครงการที่ขายไปแล้วเพื่อนำกลับมาลงทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- ผู้บริโภครุ่นใหม่ มักจะซื้ออสังหาฯเพื่อผลตอบแทนในระยะสั้น มากกว่าเน้นเพื่ออยู่อาศัยในระยะยาว จากพฤติกรรมของผู้บริโภคยุคใหม่ที่ไม่ค่อยยึดติดกับบ้านที่อยู่อาศัยเดิม ทำให้การซื้อขายเปลี่ยนมือเป็นไปได้อย่างคล่องตัว และส่งผลต่อตลาดตลาดบ้านมือสองที่ต้องปรับตัวรับมือกับกลุ่มผู้ซื้อตลาดนี้ด้วยเช่นกัน เพราะในปัจจุบันโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่ซื้อเพื่ออยู่อาศัยจริงมีจำนวนมากขึ้น แต่พฤติกรรมการขายต่อหรือปล่อยเช่า ก็เพิ่มมากขึ้นด้วยเช่นกัน นอกจากนี้การเปลี่ยนแปลงราคาและการเก็งกำไรในตลาดอสังหาฯที่ได้รับความนิยมจากนักลงทุนจากทั้งในประเทศและต่างประเทศมากขึ้น ก็ส่งผลให้ผู้บริโภคหลายรายนิยมซื้อบ้านทั้งเพื่ออยู่อาศัยและเก็งกำไรไปพร้อมๆกัน
- ราคาที่อยู่อาศัยจะแพงขึ้น แต่จะมาในรูปแบบที่ราคาเดิมแต่ลดขนาดพื้นที่ใช้สอยแทน เพื่อรักษาสถานะตลาดอสังหาริมทรัพย์ ไม่ให้ได้รับผลกระทบจากปัญหาเศรษฐกิจซบเซา เนื่องจากปัญหาต้นทุนราคาวัสดุก่อสร้างและปัญหาค่าแรงจากวิกฤตแรงงานขาดแคลน ส่งผลให้ต้นทุนการก่อสร้างโครงการเพิ่มขึ้น ซึ่งแนวโน้มการปรับขึ้นของราคาอสังหาริมทรัพย์ในปีนี้คาดว่าจะไม่ต่ำกว่า 5-7% แต่ผู้ประกอบการอาจจะปรับมาใช้การคงราคาขาย แต่มีการปรับลดขนาดพื้นที่ใช้สอย เพื่อรักษาสมดุลของราคาและต้นทุนโครงการ
อย่างไรก็ตาม ปัจจัยเสี่ยงในด้านการเมืองและเศรษฐกิจยังคงเป็นตัวแปรสำคัญที่จะทำให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์สามารถเติบโตได้มากน้อยเพียงใดในปี 2557 นี้ ซึ่งนักวิเคราะห์ประเมินว่า หากสถานการณ์ความไม่สงบทางการเมืองยังไม่สามารถคลี่คลายได้ในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ สถานการณ์ก็อาจจะลากยาวไปจนกลางปี 2557 ซึ่งถ้าถึงตอนนั้นแล้ว ก็คงได้แต่หวังว่า ทั้งผู้ประกอบการและผู้บริโภคจะยังคงมีแรงและกำลังซื้อมากพอเพื่อช่วยกันผลักดันเศรษฐกิจของประเทศให้เดินหน้าต่อไปได้เพื่อรอฟ้าใหม่ในปี 2558 กับการเปิดบ้านรับประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในเวทีโลก
|