Home » แฟ้มข่าว อสังหาริมทรัพย์ » เสนอ แก้กม.พื้นที่จอดรถอาคารชุด ในงานเสวนาแนวโน้มอสังหาฯปัจจุบันและอนาคต

การบริหาร/ความรู้ทั่วไป

Web Design by Softbiz+


ว็บนี้ สร้างด้วย Joomla! 1.5 โดย ทีมงานซอฟท์บิส+ update11.11.2014

 
เสนอ แก้กม.พื้นที่จอดรถอาคารชุด ในงานเสวนาแนวโน้มอสังหาฯปัจจุบันและอนาคต

manager.co.th   โดย ASTVผู้จัดการรายวัน 09-09-2010

        ธารารมณ์ฯจัดเสวนา “ Home Development Today & Tomorrow” เช็คแนวโน้มอสังหาฯอนาคต ด้านนายกสมาคมสถาปนิกสยามเผยเทรนอสังหาฯโลก เน้น กรีนบิวดิ้ง-ความหนาแน่น- ครอบครัวขยาย- เพื่อสังคม แนะกทม.ออกกฎหมายหนุนผู้ประกอบการซื้อที่จอดรถสาธารณะ แทนการสร้างในอาคาร ด้านส.สินเชื่อยันหากดอกเบี้ยขึ้นไม่ถึง 1% ไม่กระทบ

         นายวสันต์ เคียงศิริ กรรมการ ผู้จัดการบริษัท ธารารมณ์ เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด(มหาชน) กล่าวว่า ในช่วงนี้ของปี จะเป็นช่วงของการประเมินสถานการณ์ตลาดและแนวโน้มในอนาคต เพื่อนำไปประกอบการพิจารณาลงทุนในปีต่อไป ดังนั้น บริษัทจึงจัดงาน เสวนาหัวข้อ "Home Development Today & Tomorrow"

         โดยนายทวีจิต จันทรสาขา นายกสมาคมสถาปนิกสยาม ในพระบรมราชูปถัมภ์กล่าวถึงการพัฒนาที่อยู่อาศัยตามทิศทางของโลก และการออกแบบในอนาคต ว่า ทิศทางการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในตลาดโลกสามารถแยกเป็นหัวข้อหลักๆ ดังนั้น 1. กรีนบิวดิ้ง หรือการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ที่ผ่านมาส่วนใหญ่จะกล่าวถึงทิศทางการก่อสร้างที่ไม่เป็นพิษต่อสิ่งแวดล้อม แต่ปัจจุบันในหลายประเทศได้บังคับเป็นข้อกฎหมายว่า อาคารที่จะขออนุญาตก่อสร้างต้องมีการก่อสร้างที่เป็นกรีนอย่างไรบ้าง โดยกำหนดเป็นมาตรฐานการก่อสร้าง เช่น ในยุโรปและอเมริกา ส่วนประเทศเพื่อนบ้านได้แก่ มาเลเชีย และสิงคโปร์ขณะนี้เริ่มมีการนำวัสดุก่อสร้างที่ถูกทุบ รื้อ จากอาคารเก่ากลับมาใช้ใหม่ ซึ่งเชื่อว่าประเทศไทยจะเริ่มเห็นทิศทางนี้

          2. ความหนาแน่น ในปัจจุบันการกระจุกตัวของประชาชนในเมืองใหญ่ๆมีอยู่จำนวนมาก จนทำให้คุณภาพชีวิตเสียไป จึงทำให้หลายประเทศหาวิธีในการแก้ไขความหนาแน่นของประชากร แต่ก็ไม่สำเร็จ ล่าสุดเมืองเกาลูน ฮ่องกงได้ออกแบบอาคารสูงจำนวนหลายอาคารเชื่อมต่อกันด้วยทางเดินลอยฟ้า เพื่อลดความหนาแน่นของการอยู่อาศัยภายใต้แนวคิด "ความหนาแน่นของที่อยู่อาศัยและอยู่กันอย่างมีความสุข"

          3. การพัฒนาอาคารสูงจะเป็นแบบผสมผสานหรือการพัฒนาในรูปแบบคอมเพล็กซ์และ 4.ครอบครัวขยาย ทิศทางนี้เริ่มเห็นในเอเชีย ตามเมืองที่มีราคาที่อยู่อาศัยสูงมากๆเช่น ญี่ปุ่น ซึ่งเริ่มเห็นผู้ประกอบการออกแบบที่อยู่อาศัยให้มีฟังก์ชันการใช้งานมากๆ หรือมีพื้นที่เพื่อให้สามารถปรับการใช้สอยใหม่ได้ในอนาคต เช่น การมีห้องนั่งเล่นหลายห้องเพื่อให้แต่ละเจเนอเรชัน ได้ใช้สอยต่างกันการนำดาดฟ้า หรือห้องใต้ดินมาใช้สอย โดยปัจจุบันบ้านพักอาศัยในญี่ปุ่นกว่า 70% ไม่มีหลังคาแต่จะทำเป็นดาดฟ้าแทน

          และ 5. การกล่าวถึงโครงการเพื่อสังคมโดยนำพื้นที่บางส่วนของโครงการ พัฒนาให้เป็นสาธารณประโยชน์

แก้ผังสร้างที่จอดรถคอนโดฯติดรถไฟฟ้า       

           "เทรนด์การใช้วัสดุหรูหราเปลี่ยนไป มาใช้วัสดุที่มีประโยชน์ใช้สอยตรงกับไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิต วัสดุดีแต่ราคาถูก มีจำนวนมากในโลกนี้ แต่ประเทศไทยกลับเลือกใช้เพียงไม่กี่อย่าง ในอนาคตจะเริ่มเห็นผู้ประกอบการหันมาผลิตวัสดุสำเร็จรูปหรือพรีแฟบมากขึ้น รวมไปถึงการผลิตบ้านออกมาจากโรงงาน เพื่อลดปัญหาแรงงาน ส่วนรูปแบบ จะมีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ผู้ประกอบการเริ่มแยกแบรนด์สินค้าออกเป็นหลายแบรนด์ในบริษัทเดียว เพื่อให้สามารถเจาะจงได้ตรงกลุ่มเป้าหมาย"แก้ผังสร้างที่จอดรถคอนโดฯ ติดรถไฟฟ้า

             สำหรับเรื่องของกฎหมาย ภาครัฐบาลควรหันมาใช้กฎหมายเพื่อส่งเสริมแทนการออกกฎหมายห้ามเพียงอย่างเดียว เช่น การออกกฎหมายพื้นที่จอดรถของคอนโดฯติดรถไฟฟ้า หากไม่ต้องการสร้างที่จอดรถจำนวนมากๆ ให้สามารถบริจาคเงินให้แก่หน่วยงานกลางเพื่อทำการจัดซื้อจัดทำพื้นที่จอดรถสาธารณะแทน ซึ่งจะเป็นการสร้างประโยชน์ให้แก่ส่วนรวมมากกว่า และผู้ประกอบการเองสามารถนำส่วนพื้นที่จอดรถไปพัฒนาเพิ่มได้ เป็นการให้โบนัส เพราะต้นทุนในการสร้างพื้นที่จอดรถ 1 คัน ราคาประมาณ 5 แสนบาทถือว่าเป็นราคาที่สูงมากซึ่ง กทม.น่าจะพิจารณาในประเด็นนี้ในการออกกฎหมายหรือกำหนดผังเมืองหวั่น ดบ.ขึ้นมากกว่า 1% กระทบคนกู้

หวั่นดอกเบี้ยขึ้นมากกว่า1%กระทบคนกู้

             ด้านนายกิตติ พัฒนพงศ์พิบูลย์ประธานสมาคมสินเชื่อที่อยู่อาศัย กล่าวว่าแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยที่ปรับขึ้นในปีนี้ เชื่อว่าจะไม่มีผลกระทบต่อผู้กู้มากนัก เนื่องจากปรับขึ้นเพียงเล็กน้อย แต่หากมีการปรับขึ้นเกินกว่า 1% จะทำให้ผู้กู้ได้รับผลกระทบอย่างแน่นอน โดยขณะนี้ยังไม่สามารถประเมินแนวโน้มในอนาคตได้ เนื่องจากยังมีปัจจัยภายนอก ที่จะมีผลต่อการปรับขึ้นของอัตราดอกเบี้ย ได้แก่ การเติบโตของเศรษฐกิจสหรัฐฯ และจีน

             นอกจากนี้ นายวสันต์ กล่าวเพิ่มเติมว่าผู้บริโภคไม่มีความจำเป็นในการเร่งซื้อบ้านเพื่อโอนให้ทันกับมาตรการ ประกอบกับทิศทางอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในช่วงขาขึ้น ดังนั้นการซื้อบ้านดาวน์จะเป็นการช่วยลดภาระให้แก่ผู้ซื้อได้หลายเรื่อง เนื่องจากจะมีการผ่อนดาวน์ ที่เป็นตัวช่วยให้ลูกค้าทยอยจ่ายค่าดาวน์และเมื่อถึงขั้นตอนของการโอนบ้าน จะช่วยให้สินเชื่อผ่านได้ง่ายขึ้น เพราะวงเงินกู้ต่ำและมีประวัติการออมที่ดี