ประชาชาติธุรกิจ คอลัมน์ สดจากเวที หน้า 12
วันที่ 09 ธันวาคม พ.ศ. 2553 ปีที่ 34 ฉบับที่ 4269
"ทิศทางอสังหาฯปี 2554" มุมมอง 2 เจ้าพ่อ "พฤกษาฯ-แลนด์ฯ"
2 ซูเปอร์บิ๊กแห่งวงการ อสังหาริมทรัพย์ "อนันต์ อัศวโภคิน" ค่ายแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ นั่งประกบบนเก้าอี้ตัวเดียวกันกับ "ทองมา วิจิตรพงศ์พนธุ์" ค่ายพฤกษา เรียลเอสเตท รับเชิญบรรยายพิเศษหัวข้อเดียวกัน "ทิศทางอสังหาฯในมุมมองของผม" ที่จัดขึ้นเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 2 ธันวาคมที่ผ่านมา
แลนด์ฯชี้ อสังหาฯวิบากกรรมเพียบ
ทิศทางอสังหาฯในมุมมองของ "อนันต์ อัศวโภคิน" ประธานกรรมการและกรรมการผู้จัดการ บริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) เปิดประเด็นด้วยมุมมองว่า ตลาดอสังหาฯวันนี้ไม่แน่ใจเท่าไรว่าตลาดจะดีจริงหรือไม่ ที่บอกเช่นนี้เป็นเพราะดอกเบี้ยเงินกู้และเงินดาวน์ที่อยู่ในระดับต่ำมาก ซึ่งไม่ได้สะท้อนว่าตลาดดีจริง ประเด็นนี้ทำให้รู้สึกเป็นกังวลกับสถานการณ์ตลาดค่อนข้างมาก
"โดยเฉพาะการซื้อบ้านโดยไม่มีเงินดาวน์เป็นอันตรายต่ออุตสาหกรรม เพราะลูกค้าไม่เคยฝึกนิสัยการออมมาก่อนที่จะมาซื้อบ้าน"
ภาพรวมเชื่อว่าการแข่งขันจะมากกว่านี้ ภาครัฐคงต้องมีมาตรการคุมเข้มมากขึ้นเรื่อย ๆ จากการแห่ลงมาเล่นตลาดระดับ 1 ล้านต้น ๆ โดยตลาดนี้เฉพาะกลุ่มแลนด์ฯมีสินค้าในพอร์ตประมาณ 8,000 ยูนิต เมื่อรวมกับผู้ประกอบการรายใหญ่อีก 5 ราย มีสต๊อกรวมกันถึง 20,000 ยูนิต
"เชื่อได้เลยว่าตลาดนี้แข่งเดือดแน่นอน เพราะเป็นกลุ่มราคาที่ไปดึงตลาดเช่าขึ้นมา เมื่อมีการแข่งขันกันรุนแรงมากขึ้น ไม่แน่ว่าอีก 2-3 ปีตลาดนี้คงวายไปแล้ว"
อีกมุมมองที่ "เฮีย" ให้ข้อคิดและเป็นสิ่งที่ผู้ประกอบการคาดไม่ถึง คือ การรวมตัวกันของผู้บริโภคผ่านโซเชียลเน็ตเวิร์กที่กลายเป็นเครื่องมือในการร้องเรียนต่อเจ้าของโครงการ "...โซเชียลเน็ตเวิร์กจะเป็นปัญหามากที่สุดของผู้ประกอบการในอนาคต ซึ่งขณะนี้ผู้ประกอบการหลายรายเริ่มที่จะประสบกับปัญหานี้บ้างแล้ว"
มองมุมใหม่ "ตลาดผู้สูงอายุ"
มองเป้าหมายรายได้ในปี 2554 ค่ายแลนด์ฯตั้งธงไว้ที่ 1.8 หมื่นล้านบาทเท่าปีนี้ กลยุทธ์จะหันมาบุกบ้าน 2 ล้านกว่าบาทเยอะขึ้นเพราะเป็นตลาดที่ค่อนข้างแอ็กทีฟ "มากถึงมากที่สุด" ที่ผ่านมาได้ใช้เวลาศึกษาตลาดนี้มานานกว่า 2 ปี จากเดิมที่พอร์ตในมือ่ราคาขายเฉลี่ยอยู่ที่ 5 ล้านบาท
การปรับตัวของแลนด์ฯยังรวมถึงให้ความสำคัญกับ "บริการหลังการขาย" เพิ่มมากขึ้น โดยในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมาได้เพิ่มจำนวนพนักงานในส่วนนี้เกือบเท่าตัว ล่าสุดมีจำนวนพนักงานเกือบ 200 คนแล้ว
"อนันต์" ชวนมองนอกกรอบไปถึงตลาด "ผู้สูงอายุ"
"ต่อไปอาจจะมีการพัฒนาคอนโดฯสำหรับผู้สูงอายุ คอนโดฯ สำหรับสัตว์เลี้ยง คอนโดฯ 1 นอนเผื่ออีก 1 นอนสำหรับทายาท และคอนโดฯจะเป็นตลาดที่ถาวรไม่ใช่ชั่วครู่ชั่วยามเหมือนที่ผ่านมา"
พฤกษาฯมองบวกตลาดโตได้อีก 7%
ขณะที่ทิศทางอสังหาฯในมุมมองของ "ทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์" ประธานกรรมการและกรรมการผู้จัดการ บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) ยังมองบวกว่าแนวโน้มปี 2554 ตลาดรวมน่าจะขยายตัวได้อีก 7% และคาดว่าจะมีซัพพลายใหม่เพิ่มขึ้นเป็น 1 แสนยูนิต ภายใต้เงื่อนไขที่ประเทศต้องไม่เกิดสถานการณ์ความรุนแรงทางการเมืองเหมือนที่ผ่านมา
ส่วนตลาดในปีนี้คาดว่าซัพพลายใหม่ที่ออกมาจะมีสูงถึง 9-9.5 หมื่นยูนิต จากตัวเลขเติมที่ตั้งไว้ที่ 7 หมื่นยูนิตเท่านั้น
"ปีนี้บริษัทมีรายได้จากการโอน 2.3-2.4 หมื่นล้านบาท ปี 2554 ยอดขายน่าจะอยู่ที่ 3.9-4 หมื่นล้านบาทเท่ากับปีนี้ แต่รายได้จะเพิ่มขึ้นไปอยู่ที่ 3 หมื่นล้านบาท"
กลยุทธ์แข่งขันของบริษัทในปี 2554 "เจ้าพ่อพฤกษาฯ" ตั้งเป้าไว้ว่า กระบวนการก่อสร้างจะปรับปรุงให้เป็น "กึ่งน็อกดาวน์" มากขึ้น โดยกำหนดระยะเวลาก่อสร้างบ้านเพื่อส่งมอบให้กับลูกค้าภายในระยะ 45 วันในกลุ่มบ้านเดี่ยว ทาวน์เฮาส์ เพราะระบบพรีแคสต์ที่มีอยู่ในปัจจุบันนั้นกำลังมีการผลิตเริ่มไม่ทันกับยอดพรีเซลในมือที่มีอยู่กว่า 3 หมื่นยูนิต
ที่มา http://www.prachachat.net
posttoday.com 07 ธันวาคม 2553
"อนันต์-ทองมา"ยลตามช่องตลาดอสังหาฯ ปัจจุบันดุ อนาคตเดือด
เมื่อ 2 ผู้นำในธุรกิจขึ้นเวทีเดียวกัน ย่อมมีแง่มุมที่เป็นประโยชน์ต่อผู้ประกอบธุรกิจอสังหาริมทรัพย์อย่างแน่นอน โดยเฉพาะวิสัยทัศน์ในปีหน้าที่ว่ากันว่าโหดหินไม่แพ้ปีไหนๆ
โดย...วราพงษ์ ป่านแก้ว
นานๆ จะได้เห็น 2 บิ๊กแห่งวงการอสังหาริมทรัพย์ “อนันต์ อัศวโภคิน” จากแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ กับ “ทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์” จากพฤกษา เรียลเอสเตท ที่ขับเคี่ยวในเชิงธุรกิจกันมาตลอด 2-3 ปีหลัง ได้ขึ้นเวทีพร้อมๆ กันในงานสัมมนาเปิดตัวหนังสือใหม่ CONDO Guide ของพร็อพเพอร์ตี้ แชนแนล
เมื่อ 2 ผู้นำในธุรกิจขึ้นเวที ย่อมมีแง่มุมที่เป็นประโยชน์ต่อผู้ประกอบธุรกิจอสังหาริมทรัพย์อย่างแน่นอน โดยเฉพาะวิสัยทัศน์ในปีหน้าที่ว่ากันว่าโหดหินไม่แพ้ปีไหนๆ
อนันต์ เริ่มก่อนด้วยข้อกังวลว่า อยากให้จับตาโครงสร้างของประชากรใน 10 ปีข้างหน้าให้ดี เพราะจะมีความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นอีกมาก คนไทยจะเป็นโสดมากขึ้น แต่งงานช้าลง เมื่อแต่งงานแล้วก็จะไม่มีลูก หรือมีน้อย ขณะที่จำนวนคนทำงานจะน้อยลง ผู้สูงอายุจะมีมากขึ้น
การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากรในอีก 10 ปีข้างหน้าจะมีผลต่อการพัฒนาที่อยู่อาศัยขึ้นมารองรับให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลง นอกจากนี้ อนันต์ ยังมองว่าตลาดคอนโดมิเนียมที่กำลังบูมอยู่ในเวลานี้ จะไม่ใช่ตลาดที่เกิดขึ้นชั่วคราว แต่เป็นการเปลี่ยนแปลงอย่างถาวรตามโครงการที่เปลี่ยนไปของประชากร
ขณะที่ ทองมา ให้ข้อมูลสนับสนุนว่า ตลาด 3 ล้านบาทลงมา คิดเป็น 50% ของตลาด โดยใน 3 ไตรมาสที่ผ่านมา มีการจองซื้อบ้านกันไปแล้ว 7 หมื่นหน่วยเท่ากับปีที่แล้วทั้งปี โดยคาดว่าถึงสิ้นปีนี้ยอดจองจะไปถึง 9-9.5 หมื่นหน่วย ตลาดดีขึ้นเกือบ 20% ในจำนวนทั้งหมดเป็นคอนโดมิเนียมอยู่ถึง 50% และในปีหน้าแนวโน้มดีกว่าปีนี้ คาดว่าจะขยายตัวได้ 7% หรือยอดจองกว่า 1 แสนหน่วย
แต่ อนันต์ มองว่าสถานการณ์ในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในเวลานี้นั้นดีเกินจนน่าเป็นห่วง ด้วยการแข่งขันที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ทั้งแข่งดอกเบี้ยต่ำ 0% แข่งดาวน์ต่ำ และไม่รู้ว่าตลาดจะดีอย่างนี้ไปได้อีกนานแค่ไหน
ยิ่งเมื่อโฟกัสไปที่ตลาดคอนโดมิเนียมระดับ 1 ล้านบาทต้นๆ ที่ทุกบริษัทลงมาเล่นเหมือนกันหมด อนันต์ ประเมินว่า อีก 2-3 ปี ตลาดนี้จะเริ่มวาย เพราะปัจจุบันความต้องการซื้อเกิดจากกลุ่มที่ต้องการเปลี่ยนจากบ้านเช่าที่มีเป็นแสนหน่วยใน กทม. มาอยู่คอนโดมิเนียมที่งวดผ่อนกับค่าเช่าไม่ต่างกัน เมื่อดีมานด์จากบ้านเช่าเริ่มหมด ตลาดจะกลับมาสู่ภาวะปกติ และจะต้องมีคนที่เจ็บตัวอย่างแน่นอน
หากเมื่อใดที่ตลาดเริ่มชะลอตัว ในขณะที่บริษัทรายใหญ่ยังไม่ยอมหยุดผลิต ตามหลักของ Economy Of Scale ราคาก็จะลงมาเรื่อยๆ เมื่อราคาลดลงก็จะทำให้รายเล็กและรายกลางอยู่ไม่ได้ จากการแข่งขันราคาของรายใหญ่
กลับมาเรื่องฮอตที่ต้องพูดถึง คือ มาตรการคุมสินเชื่อที่อยู่อาศัยของธนาคารแห่งประเทศไทย หรือ ธปท. ทองมา มองว่ามาตรการของ ธปท.ที่จะใช้ในปี 2554 จะมีผลต่อกลุ่มคอนโดมิเนียม เพราะต้องวางเงินดาวน์เป็น 10% จะทำให้ลูกค้ามีปัญหาบ้างสำหรับโครงสร้างที่สร้างเสร็จแล้ว เพราะลูกค้าจะต้องหาเงิน 10% มาจ่ายก่อน
แต่สำหรับโครงการใหม่ที่มีระยะเวลาก่อสร้างไม่น่าจะกระทบ เพราะปกติลูกค้าต้องจองและดาวน์อยู่ที่ 10% อยู่แล้ว เช่นเดียวกับทาวน์เฮาส์และบ้านเดี่ยว ที่จะมีผลในปี 2555 ที่จะต้องวางดาวน์อย่างน้อย 5% ซึ่งเป็นปกติของการซื้อบ้านอยู่แล้ว ส่วนในเรื่องดอกเบี้ยที่คณะกรรมการนโยบายการเงินขยับขึ้นมาอีก 0.25% น่าจะมีผลกระทบให้การผ่อนชำระเพิ่มสูงขึ้น 1.5-2%
อนันต์ มองว่าถ้าในแง่ผู้ประกอบธุรกิจก็คงไม่อยากจะให้มีการคุมสินเชื่อ แต่ถ้ามองในภาพรวมแล้ว การที่คนซื้อไม่จ่ายดาวน์ กับต้องจ่าย 5% เป็น 10% นั้น มีข้อต่างกันตรงที่การสร้างวินัยทางการเงินในการซื้อที่อยู่อาศัยระยะยาว คนที่เก็บเงินมาซื้อบ้านจะมีความหวงแหนในทรัพย์สินมากกว่า
แต่ที่น่ากังวลมากกว่าก็คือ อนันต์ ประเมินว่าการควบคุมโดยภาครัฐจะยังไม่จบอยู่แค่นี้ ในปีหน้ารัฐอาจจะมีมาตรการที่เข้มงวดออกมาอีกเป็นดาบสอง ดาบสาม เพราะคน ธปท.ที่อยู่กับข้อมูลย่อมเห็นอะไรบางอย่าง และไม่ต้องการเห็นเศรษฐกิจไทยเป็นแบบเดียวกับวิกฤตสหรัฐอเมริกา
คราวนี้มาดูเรื่องของแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ กับพฤกษา เรียลเอสเตท ว่าปีหน้าจะเคลื่อนไหวไปในทิศทางใดกันบ้าง เริ่มที่ ทองมา บอกว่าปีหน้ามีโครงการอยู่ในมือที่จะสร้างรายได้รวมทั้งหมด 130 โครงการ เป็นโครงการที่จะเปิดใหม่ในปีหน้า 78 โครงการ ในทุกเซ็กเมนต์ และในทุกพื้นที่
แต่ไฮไลต์สำคัญ คือ พฤกษาฯ ซึ่งงานด้านการก่อสร้างกำลังจะปรับปรุงใหม่ โดยนำแนวคิดการผลิตเชิงอุตสาหกรรมมาใช้ในการก่อสร้าง เพื่อให้การก่อสร้างสอดคล้องกับยอดขาย เพราะปัจจุบันรอบกำลังการผลิตบ้านของพฤกษาฯ แทบจะไม่ทันกับการส่งมอบให้กับลูกค้า จึงต้องปรับงานก่อสร้างกันอีกรอบ
ขณะที่ทางแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ อนันต์ แย้มว่าจะเปิดโครงการใหม่ประมาณ 40 โครงการ และจะเป็นการเข้าไปตลาดใหม่ๆ มากขึ้น โดยเฉพาะตลาดบ้านราคา 2 ล้านกว่าบาท กับตลาดคอนโดมิเนียม 1.5-2 ล้านบาท ที่เป็นตลาดที่แอ็กทีฟมาก
นอกจากนี้ยังมีการพัฒนาแบบ หรือที่เรียกว่า ไมโคร ดีไซน์ โดยเข้าไปดูในทุกรายละเอียดของบ้านว่าควรจะต้องมีอะไรให้สามารถตอบสนองการใช้งานของผู้อยู่อาศัยในแต่ละฟังก์ชันของบ้าน เช่น ออกแบบที่ตากผ้า เฟอร์นิเจอร์ที่เก็บได้ เป็นต้น และยังมีการนำระบบโซลาร์เซลล์มาใช้ในบ้านปีหน้าด้วย
เมื่อ 2 ยักษ์ใหญ่ แลนด์ฯ–พฤกษาฯ แบไต๋ให้เห็นกันตั้งแต่ยังไม่ครบปี การันตีได้เลยว่าการแข่งขันปีหน้าแรงแน่นอน
ที่มา http://www.posttoday.com/บ้าน-คอนโด/บ้านหลังใหม่/63727/อนันต์-ทองมา-ยลตามช่องตลาดอสังหาฯ-ปัจจุบันดุ-อนาคตเดือด
|